TSE โตแรง! Q1/68 รายได้แตะ 345 ลบ. เพิ่มขึ้น11% ปี 68 รุกขยายลงทุนโรงไฟฟ้า - สุขภาพ - ความงาม มุ่งสู่การเติบโตยั่งยืน-สร้างมูลค่าเพิ่มระยะยาวให้ผู้ถือหุ้น - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

TSE โตแรง! Q1/68 รายได้แตะ 345 ลบ. เพิ่มขึ้น11% ปี 68 รุกขยายลงทุนโรงไฟฟ้า - สุขภาพ - ความงาม มุ่งสู่การเติบโตยั่งยืน-สร้างมูลค่าเพิ่มระยะยาวให้ผู้ถือหุ้น

 


บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (
TSE) เปิดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 มีรายได้ 345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ EBITDA พุ่ง 24% แตะ 187 ล้านบาท ผลจากรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัท รวมถึงประเดิมรับรู้รายได้ธุรกิจใหม่ฟากแม่ทัพหญิง “ดร.แคทลีน มาลีนนท์” ระบุปี 68 เดินหน้ากลยุทธ์รุกขยายธุรกิจโรงไฟฟ้า สุขภาพ และ ความงาม  ลุยประมูลและจัดหาโครงการใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ เสริมศักยภาพการทำกำไร และมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น

 

          


  ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (TSE) เปิดเผยว่า ภาพรวมของผลการดำเนินไตรมาส 1/2568 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2568) บริษัทฯ มีรายได้รวม 345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้ 312 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 65 ล้านบาท มี EBITDA จากการดำเนินงานปกติ จำนวน 187 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี EBITDA จำนวน 150 ล้านบาท

 

ปัจจัยที่สนับสนุนให้รายได้เพิ่มขึ้นดังกล่าว เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าชีวมวลของกลุ่มบริษัทฯ ยังสามารถดำเนินกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการดำเนินงานปกติ อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มพลังงานจากการผลิตไฟฟ้า รวมถึงเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจสุขภาพ

 

สำหรับเหตุการณ์สำคัญในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ ได้ชำระคืนหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2566 มูลค่า 1,200 ล้านบาท พร้อมจ่ายดอกเบี้ยครบเต็มจำนวน ตอกย้ำสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าสร้างโอกาสทางธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และคณะกรรมการบริษัทฯและผู้ถือหุ้น ได้อนุมัติขายหุ้น บริษัท ไทย โซล่าร์ รีนิวเอเบิล จำกัด (TSR) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้า (JV) โดย TSR ถือหุ้น 60% หรือ จำนวน 35 ล้านหุ้น รวมมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท ซึ่งหากรวมหนี้สินสุทธิของกิจการ จำนวน 264.4 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 จะคิดเป็นมูลค่ากิจการประมาณ 2,056 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2568

 

ขณะเดียวกัน บริษัทย่อยคือ บริษัท บางสวรรค์ กรีน จำกัด (BSW) กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ตกลงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญารับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากผู้ผลิตเพิ่มเติม จากเดิม 4.6 MW เป็น 5.2 MW โดยปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดส่วนเพิ่ม 0.6 MW ระยะเวลาสัญญา 2 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2569

 

ในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่ได้วางเป้าหมายไว้ ทั้งในเรื่องการขยายการลงทุนในธุรกิจหลักกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนต่างๆจากที่ได้คัดเลือก และการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ การแตกไลน์สู่ธุรกิจด้านสุขภาพและความงามตามเมกะเทรนด์ของโลก โดยมั่นใจว่าด้วยฐานะทางการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ ควบคู่ไปกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มอัตรากำไรในธุรกิจให้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในปีนี้และปีต่อๆ ไปเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

 

“ปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเข้าร่วมประมูลและจัดหาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ เสริมศักยภาพในการทำกำไร และมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น” ดร.แคทลีน กล่าว

 

ปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งในรูปแบบพลังงานแสงอาทิตย์ (แบบติดตั้งบนพื้นดิน ลอยน้ำ และบนหลังคา) และพลังงานชีวมวลในประเทศไทย

 

ณ 31 มีนาคม 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีโครงการที่ดำเนินการอยู่รวมทั้งสิ้น 62 โครงการ กำลังการผลิตเสนอขายรวม 382.86 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 34 โครงการ รวม 153.8 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาจากการได้รับคัดเลือกในโครงการ Solar Big Lot Phase 1 และ 2 จำนวน 28 โครงการ รวม 229.06 เมกะวัตต์ และมีกำหนดการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2570-2573

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad