YLG ชี้ปีนี้ทองขึ้นมาแล้วกว่า25%แต่ยังมีโอกาสขึ้นอีก แนะจับตาหากราคาแตะ 2,100ดอลลาร์มีลุ้นไปต่อ - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2563

YLG ชี้ปีนี้ทองขึ้นมาแล้วกว่า25%แต่ยังมีโอกาสขึ้นอีก แนะจับตาหากราคาแตะ 2,100ดอลลาร์มีลุ้นไปต่อ


 วายแอลจี เผยปีนี้แม้ราคาทองขึ้นมาแล้วกว่า 25% แม้จะลดช่วงบวกลงบ้าง  แต่โอกาสขึ้นอีกยังมี เหตุอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกยังต่ำ นักลงทุนมักพักเงินไว้ในทองคำ แนะวิธีดูหากราคาทองคำเข้าสู่ช่วงขาลงอัตราดอกเบี้ยต้องปรับขึ้นก่อน มองช่วงนี้แม้ราคาลดลงแต่ไม่หลุ 1,872-1,847 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถือเป็นการปรับฐานเพื่อไปต่อ ชี้ด่านแรกหากผ่าน 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีโอกาสพุ่งยาว พร้อมแนะจับตาผลการเลือกตั้งสหรัฐหากทรัมป์ชนะมีผลทั้งในทางบวกและลบ แต่หากไบเดนชนะ เชื่อตลาดทองคำไปต่อได้

 


นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์
 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงเดือนเดือน ต.ค.ราคาทองเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นหลังจากที่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมาราคาแกว่งตัวลงเพื่อปรับฐาน อย่างไรก็ดีหากมองจากต้นปีนี้ถึงปัจจุบันพบว่าราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้วกว่า 25% ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าปกติที่แต่ละปีราคาทองคำจะปรับขึ้นมาประมาณ 5 – 10%  อย่างไรก็ดีราคาทองคำในระดับปัจจุบันถือว่าเป็นการปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อ โดยสาเหตุหลักมาจากจากเศรษฐกิจโลกที่ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวให้กลับไปสู่ภาวะปกติ อีกทั้งผลตอบแทนดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะต่างประเทศที่ลดลงเหลือ 0% รวมถึงสินทรัพย์รูปแบบอื่นๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ เริ่มซื้อ-ขายลำบากทำให้สภาพคล่องต่ำ นักลงทุนส่วนหนึ่งจึงเน้นถือเงินสด และบางส่วนนำเงินลงทุนมาพักไว้ในทองคำ ดังนั้นตราบใดที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำราคาทองจึงยังคงอยู่ในขาขึ้น และราคาทองคำจะเข้าสู่ช่วงขาลงก็ต่อเมื่ออัตราดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวดีขึ้น


สำหรับทิศทางราคาทองคำรอบนี้จะปรับขึ้นไปได้อีกไกลแค่ไหนนั้น วายแอลจีมองว่าจะต้องผ่าน 2,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ก่อน จึงจะไปได้ต่อ ซึ่งก่อนหน้านี้ราคาทองคำเคยทดสอบ 2,075ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และปรับลดลงมาในช่วงปลายเดือน ก.ย.  แต่ในช่วงนี้ราคายังทรงตัวไม่หลุด 1,872-1,847ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ดังนั้นมองว่า1,847-1,800ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์อาจจะเป็นฐานใหม่ ก่อนจะปรับขึ้นในช่วงต่อไป

อย่างไรก็ดีปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในช่วงนี้ที่น่าจับตาคือประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เนื่องจากนักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่าหากผลการเลือกตั้งออกมาว่าโจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะ จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากโจ ไบเดน มีนโยบายภาษีที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ซึ่งหากหุ้นปรับตัวลงเงินลงทุนจะไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ กลับกัน  หากหากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะ  แม้จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น และจะทำให้ราคาทองปรับลดลง อย่างไรก็ตามนโยบายบางอย่างของนายทรัมป์อาจจะเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำได้ เพราะช่วงปีที่ผ่านมา ก็มีนโยบายสงครามการค้า ที่ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนหันมาพักเงินในตลาดทองคำ เป็นต้น

ทั้งนี้ในส่วนของนักลงทุนที่ยังไม่มั่นใจว่าในอนาคตราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นหรือลงนั้น สามารถจัดการความเสี่ยงได้ด้วยการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์สที่สามารถลงทุนได้แม้ตลาดทองคำจะอยู่ในขาขึ้นหรือขาลงผ่านตลาด TFEX ทั้งในแบบโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส(Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ  และโกลด์ฟิวเจอร์ส(Gold Futures) ที่เป็นการซื้อขายด้วยเงินบาท ซึ่งการลงทุนผ่านTFEX  ถือเป็นทางเลือกที่นักลงทุนรุ่นใหม่ให้ความสนใจเพราะใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการลงทุนในทองคำแท่ง วางเงินลงทุนเพียงไม่ถึง 1 ใน 10 ของมูลค่าสัญญา สำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนทองคำในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Gold Online Futures และ Gold Futures )เพื่อเป็นอีกทางเลือกการลงทุน สามารถดูรายละเอียดได้ทาง www.ylgfutures.co.th หรือ โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-687-9999 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad