เอริค ฟาน รูเยน มอบแชมป์พีจีเอทัวร์ เป็นกำลังใจเพื่อนสนิทป่วยมะเร็ง - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

เอริค ฟาน รูเยน มอบแชมป์พีจีเอทัวร์ เป็นกำลังใจเพื่อนสนิทป่วยมะเร็ง

 


9 พฤศจิกายน 2566 – เอริค ฟาน รูเยน โปรกอล์ฟจากแอฟริกาใต้ คว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่สองในการเล่นอาชีพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในการแข่งขันรายการ เวิลด์ไวด์ เทคโนโลยี แชมเปี้ยนชิพ ณ  สนามเอล คาร์โดนัลโดนัล แอท เดียมานเต ประเทศเม็กซิโก สนามที่ออกแบบโดย ไทเกอร์ วูดส์ ตำนานกอล์ฟชาวอเมริกัน โดย ฟาน รูเยน ปิดฉากด้วยการทำอีเกิ้ลที่หลุม 18 สกอร์รวมสี่วัน 27 อันเดอร์พาร์ 261 เอาชนะ แม็ตต์ คูชาร์ แล ะคามิโล่ วิเยกาส สองสโตรก แต่เจ้าตัวฉลองไม่ออก ตกอยู่ในสถานการณ์หวานอมขมกลืน เพราะเพิ่งได้รับการแจ้งข่าวเมื่อต้นสัปดาห์ก่อนแข่งว่า จอน ทราซามาร์ เพื่อนสนิทป่วยเป็นโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาระยะสุดท้าย (ภาพ: Getty Images)

             โดยหลังจากคว้าแชมป์ ฟาน รูเยน ออกเผยความรู้สึกผ่าน Player Blog เล่าถึงความผูกผันกับ จอน ทราซามาร์ เพื่อนสนิทที่รักมากที่สุด เคยเป็นรูมเมทและเล่นกอล์ฟด้วยกันมาสมัยเรียนมหาวิทยาลัยมินเนโซต้า ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อนการแข่งขันรายการ เวิลด์ไวด์ เทคโนโลยี แชมเปี้ยนชิพ เปิดฉากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทราซามาร์ส่งข้อความแจ้งข่าวมาในวันอังคารว่าป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังระยะสุดท้ายและเหลือเวลาอีก 6-10 สัปดาห์

             ฟาน รูเยน เผยว่า บอกตามตรง ผมไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนดี ผมยังรู้สึกมึนงงอยู่หลังจากพัตต์อีเกิ้ลที่หลุม 18 ในหัวคุณจินตนาการถึงการฉลองชัยอย่างมีความสุข แต่ความจริงผมรู้สึกชาไปหมดทั้งตัว ซึ่งน่าจะเป็นเพราะผมคิดถึงเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับ จอน ทราซามาร์ เพื่อนสนิทของผมที่ป่วยหนักมาก จึงไม่ได้ตระหนักถึงการคว้าแชมป์อย่างเต็มที่

             ในการแข่งขันรอบสุดท้าย ผมค่อนข้างนิ่งเพราะมีเรื่องที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตมากกว่าเกมกอล์ฟ หากสังเกตที่ลูกกอล์ฟของผมจะมีอักษรย่อ “เจที” เขียนไว้และนั่นคือสิ่งที่ผมทำเพื่อ จอน ทราซามาร์ เพื่อนที่ดีที่สุดของผม เขาป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาระยะสุดท้ายและไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทุกช็อตที่ผมเล่น ผมเล่นเพื่อเขา เมื่อคุณลงเล่นเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าการคว้าถ้วยแชมป์ มันทำให้สิ่งต่างๆ กลายเป็นเรื่องของมุมมองทัศนคติ ในท้ายที่สุดแล้วผมจะชนะหรือแพ้ มันไม่สำคัญเลย

             หลังจบการแข่งขันรอบที่สอง ซึ่งผมตี 8 อันเดอร์พาร์ เมื่อกลับถึงห้องพัก ผมเก็บอารมณ์ไม่อยู่ร้องไห้ออกมา มันไม่สามารถทำใจให้สงบนิ่งได้ตลอดเวลา แต่เมื่อลงสนามแข่งขัน ผมมีงานที่ต้องทำจึงต้องพยายามทำใจให้นิ่ง จนกระทั่งพัตต์สุดท้าย สิ่งที่ผมโฟกัสคือผมกำลังทำเพื่อจอน ผมรักเขามากและไม่อยากเชื่อเลยว่าต้องผ่านความทุกข์ทรมานมามากแค่ไหน ผมหวังว่าจะสามารถขจัดความเจ็บปวดทั้งหมดของเขาออกไปได้ หลังจบการแข่งขันผมและครอบครัวจะเดินทางไปมินเนโซต้า เพื่อไปเยี่ยมจอน

            


ตอนที่ผมย้ายจากแอฟริกาใต้ไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาเมื่ออายุ 19 ปี มันไม่ใช่เรื่องง่ายเงย เพราะผมเติบโตมาในเมืองเล็กๆ ขณะนั้นจอนและครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ห่างจากเมืองมินนีแอโพลิสราว 2 ชั่วโมง และผมเดินทางไปมินเนโซต้า ในเดือนกันยายน ปี 2009 พวกเขาไปรอรับผมที่สนามบิน เพราะจอนจะเป็นรูมเมทและเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของผม ซึ่งต่อมาเรากลายเป็นเพื่อนสนิทเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เขาเหมือนพี่น้องสำหรับผม เราเป็นรูมเมทกัน 3 ปีจาก 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัย ผมคิดว่าเขามีเทคนิคการเล่นเกมสั้นที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่ผมเคยเห็นมา และเขายังมุ่งมั่นกับการเป็นนักกอล์ฟอาชีพมาตลอดจนกระทั่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง

 

จอน ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา ระยะที่ 4 เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน ตอนเดือนเมษายนมะเร็งทุเลาลง เขาโทรมาหาผมและส่งภาพสแกนมาให้ดู ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับพวกเรา แต่จากนั้นไม่นานมะเร็งกลับมากำเริบ และเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก เมื่อวันอังคารก่อนการแข่งขันกอล์ฟเวิลด์ไวด์ เทคโนโลยี แชมเปี้ยนชิพ เขาส่งข้อความมาหาผมบอกว่า เขามีเวลาเหลืออีก 6-10 สัปดาห์ แพทย์สแกนหลายรอบและพบว่ามะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะทุกส่วน เขาเหลือเวลาไม่มาก ผมหวังว่าเขาจะได้ดูการแข่งขันรอบสุดท้าย ผมส่งข้อความหาเขาและบอกให้รู้ว่าผมรักเขามาก สิ่งที่ผมต้องการคือได้ลงเล่นกับเขาสัก 9 หลุมที่ไหนสักแห่ง ผมเล่นกอล์ฟมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จริงจังกับการแข่งขันและเราต้องการชนะ แต่ตอนนี้มันไม่มีความหมาย วันหนึ่งผมต้องตาย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมจะคิดถึงมัน ผมจะคิดถึงคนที่ผมรักมากที่สุด และจอน ทราซามาร์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น

             ปีนี้ถือเป็นปีแห่งการต่อสู้สำหรับผมในเกมกอล์ฟ อาจเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดก็ว่าได้ ผมประสบปัญหาหลายอย่างและตัดสินใจเปลี่ยนโค้ชโดยมาร่วมงานกับ ฌอน โฟเลย์ ในสัปดาห์ของการแข่งขันยูเอส โอเพ่น เพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น

             ฌอน ช่วยผมในเรื่องมุมมองทัศนคติเป็นหลัก ผมไม่ได้ตีแย่มากนักตอนที่เริ่มทำงานร่วมกับเขา แต่ไม่ได้ผลการแข่งขันตามที่ต้องการ  และไม่ผ่านตัดตัวหลายรายการ มีช่วงหนึ่งผมไม่ผ่านตัดตัว 10 รายการติดต่อกัน ฌอนมีความเชี่ยวชาญเรื่องการสวิงและการทำงานของร่างกายและสแควร์หน้าไม้ ตอนที่เราคุยกันบางครั้งเราก็คุยเรื่องอื่นๆ ที่ไมเกี่ยวกับกอล์ฟนานเป็นชั่วโมง เราพูดคุยเกี่ยบกับการใช้ชีวิตและสิ่งที่ต้องการจะเป็น ต้องการเป็นแบบไหนในสนามและนอกสนาม เราต้องเป็นคนๆเดียวกันทั้งในและนอกสนาม นั่นคือสิ่งที่เราคุยกัน

             การคว้าชัยชนะในสนามที่ออกแบบโดยไทเกอร์ วูดส์ ค่อนข้างพิเศษ ผมได้เจอกับไทเกอร์ในสัปดาห์การแข่งขัน และเขาคือตำนานของเกมกีฬากอล์ฟอย่างแท้จริง การได้ลงเล่นในสนามที่เขาออกแบบและคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ที่มีความเชื่อมโยงกับไทเกอร์ จึงเป็นเรื่องที่พิเศษมาก  

             หมายเหตุ: แฟนกีฬากอล์ฟสามารถติดตามชมการแข่งขันของนักกอล์ฟระดับโลกในการแข่งขันกอล์ฟพีจีเอทัวร์ รายการ บัตเตอร์ฟิลด์ เบอร์มิวดา แชมเปี้ยนชิพ ได้ทาง Golf Channel Thailand

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad