บริษัท
อินฟอร์มา มาร์เก็ต จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในการจัดงานแสดงสินค้าสำหรับธุรกิจ
อุตสาหกรรม และนวัตกรรมที่กำลังเติบโต ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
และสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย แถลงข่าวการจัดงาน “คอสโมพรอฟ ซีบีอี อาเซียน แบงค็อก 2563
(Cosmoprof CBE ASEAN 2020)” งานจัดแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงามระดับโลก
ที่จะมาสร้างบรรทัดฐานใหม่ของอุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคอาเซียน ที่จะเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย
พร้อมสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการด้านความงามไทย
ฝ่าวิกฤตเปิดทางออกปัญหาเศรษฐกิจโลก ผ่านงานเสวนา “ฝ่าวิกฤติ
กับโอกาสการลงทุนเครื่องสำอางไทยในตลาดโลก ปี 2563” จากผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดความงามและเครื่องสำอางชั้นนำ
นายสรรชาย
นุ่มบุญนำ รองกรรมการผู้จัดการ อินฟอร์มา มาร์เก็ต ประเทศไทย กล่าวถึง
ภาพรวมของตลาดเครื่องสำอางไทยว่า “ตลาดเครื่องสำอางถือเป็นตลาดที่มีกำลังการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
ซึ่งสะท้อนความน่าเชื่อถือของเครื่องสำอางไทยในตลาดโลกได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งศักยภาพของประเทศไทยยังเอื้อต่อการเติบโตของตลาดเป็นอย่างมาก
ทั้งในด้านมาตรฐานภาคการผลิตในระดับสูง
คุณค่าของวัตถุดิบที่สามารถต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่
รวมไปถึงความเป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียนและมาตรฐานของระบบโลจิสติกส์
ที่เป็นปัจจัยสำคัญให้อุตสาหกรรมความงามไทยมีความพร้อมและเป็นที่เชื่อมั่นของนักลงทุน”
ทั้งนี้
ด้วยจุดแข็งของตลาดเครื่องสำอางไทย
มีผลช่วยให้เศรษฐกิจโดยรวมในประเทศมีการขับเคลื่อน และดึงเอาเม็ดเงินจากต่างชาติให้ไหลเข้ามาในประเทศมากขึ้น
ทั้งยังเป็นตลาดที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเติบโตแข่งขันกับผู้เล่นเก่าและผู้เล่นต่างชาติได้อย่างเท่าเทียม
โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ที่สินค้า Made in Thailand Products มีความต้องการซื้อพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เช่นจากใน จีน เกาหลี
ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ออสเตรเลีย ‘อินฟอร์มา มาร์เก็ต’
จึงใช้โอกาสนี้
สร้างเวทีเพื่อผู้ประกอบเครื่องสำอางไทยนำพาสินค้าในมือขยายไปสู่ตลาดโลก
ในชื่องานว่า “คอสโมพรอฟ ซีบีอี อาเซียน แบงค็อก 2563 (Cosmoprof
CBE ASEAN 2020)” ซึ่งเป็นงานจัดแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงามที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
“คอสโมพรอฟ
ซีบีอี อาเซียน แบงค็อก 2563” เป็นงานจัดแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงามระดับโลก
บนเนื้อที่กว่า 25,000 ตารางเมตร
พร้อมสร้างบรรทัดฐานใหม่ของอุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคอาเซียน ที่จะเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 17-19 กันยายน 2563
ณ ศูนย์การแสดงสินค้า และการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ภายในงานเป็นการสร้างพื้นที่ให้ผู้ประกอบการความงามได้นำเสนอสินค้าและนวัตกรรมความงามจากทั่วทั้งอาเซียน
พร้อมเปิดโอกาสขยายการเติบโตให้ผู้ประกอบการความงาม อาทิ ‘โปรแกรมจับคู่เจรจาธุรกิจ
Business Matching’ โปรแกรมทางธุรกิจ
ออกแบบให้ผู้ออกงานได้พบกับคู่ค้าทางธุรกิจ หรือผู้ซื้อ
ที่ตรงความต้องการได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น, ‘โปรแกรม Hosted
Buyer’ ไฮไลต์สำคัญของงาน ที่รวมตัวผู้ซื้อคุณภาพจากทั่วโลก ให้มาพบกับผู้ประกอบการไทยภายในงานแบบเอ็กซ์คลูซีฟ,
กิจกรรม ‘Cosmoprof CosmoTalks’ นำเสนอข้อมูลเชิงลึกรูปแบบใหม่
ด้านแนวโน้มและลักษณะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รวมถึงเวทีสัมมนาให้ความรู้ด้านการตลาดความงามแก่ผู้ประกอบการไทย
และการแสดงสาธิตโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมทั้งไทยและต่างประเทศ
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคครั้งนี้
ประกอบกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
ส่งผลให้ตลาดเครื่องสำอางมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่ม Mass
ระดับกลางและระดับล่าง ทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการใหม่, กลุ่มผู้ขายสินค้านำเข้า หรือแม้แต่กลุ่ม Global Brand เอง ก็เริ่มพัฒนา Collection ที่ถูกลง
เพื่อเข้าหาลูกค้ากลุ่ม Mass มากขึ้น รวมถึงออก Fighting
brand ใหม่ๆ ในราคาที่จับต้องได้ เพื่อร่วมในตลาดระดับรองลงมา และรักษาส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มสินค้านั้นๆ
แต่โชคดีที่ในปี 2563 สัดส่วนของผู้บริโภคจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
เนื่องจากอายุของกลุ่มที่เริ่มใช้เครื่องสำอางมีค่าเฉลี่ยลดลง
ทั้งยังมีโอกาสจากกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย
และมองหาคู่ค้าไทยในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะในเวที
“คอสโมพรอฟ ซีบีอี อาเซียน แบงค็อก 2563” ที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการชาวไทยสามารถส่งสินค้าในมือไปสู่ตลาดโลก
เพื่อสู้กับการแข่งขันที่ขยายตัว ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นางสาวรุ่งระวี
กล่าวต่อไปว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความพร้อมในการผลิตและมี Supply Chain ที่ครบวงจร และยังมีแรงงานที่มีทักษะ รวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ซึ่งการเสริมจุดแข็งเหล่านี้ ผู้ประกอบการใหม่ควรศึกษาถึงการใช้ทรัพยากรที่มี
เพื่อพัฒนาและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการ Formulate สูตรต่างๆ
ให้ทันสมัยและเป็นไปตามความต้องการของลูกค้า
พร้อมคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไปด้วย และควรเพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค
ด้วยการสร้างสรรค์สินค้าให้มีคุณภาพและปลอดภัยในระดับผ่านการประเมินจากองค์กรที่มีการรับรองในระดับสากลทั้งในและต่างประเทศ
รวมไปถึงการเสริมศักยภาพของตัวองค์กร อาทิ
เป็นสินค้าที่มีสิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบไปยังต่างประเทศ
หรือการบริหารการจัดการให้มีคุณภาพ ตั้งแต่ด้านการผลิต การจัดเก็บ
ไปจนถึงการส่งมอบ”
“จากการคาดการณ์ด้านเศรษฐกิจของนักลงทุน
และนักเศรษฐศาสตร์ พบกว่าภาพรวมของเศรษฐกิจไทยรวมไปถึงในระดับโลก
อาจยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวในเร็วนี้
ทว่าในตลาดเครื่องสำอางและความงามไทยยังคงเป็นตลาดที่มีความแข็งแรงอยู่
ทั้งยังมีแนวโน้มที่สามารถเติบโตสวนทางกับกระแสเศรษฐกิจโลก
และเพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตของผู้ประกอบการไทย รวมไปถึงตลาดความงามไทย ‘อินฟอร์มา มาร์เก็ต’ จึงใช้ประสบการณ์การจัดงาน Cosmoprof ทั่วโลกที่ผ่านมา
และความเข้าใจใน Insight ความต้องการของธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงาม
เพื่อผลักดันให้ “คอสโมพรอฟ ซีบีอี อาเซียน แบงค็อก” ได้เติมเต็มศักยภาพของผู้ประกอบการไทยไปอีกขั้น เพื่อให้โอกาสการลงทุนเครื่องสำอางไทยในตลาดโลกมีตัวเลขเพิ่มขึ้น
พร้อมพาตลาดความงามฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ไปด้วยกัน” นายสรรชาย กล่าวทิ้งท้าย
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร
และรายละเอียดเพิ่มเติมของนิทรรศการแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงามระดับโลก “คอสโมพรอฟ ซีบีอี อาเซียน แบงค็อก 2563 (Cosmoprof CBE ASEAN 2020)” ได้ที่ www.cosmoprofcbeasean.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น