“Annabelle Comes Home - แอนนาเบลล์ ตุ๊กตาผีกลับบ้าน” - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2562

“Annabelle Comes Home - แอนนาเบลล์ ตุ๊กตาผีกลับบ้าน”


ภาพยนตร์เรื่อง “Annabelle Comes Home - แอนนาเบลล์ ตุ๊กตาผีกลับบ้านเป็นผลงานตอนที่ 3 จากภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของนิว ไลน์ ซีเนม่า เรื่อง “Annabelle” ซึ่งเป็นเรื่องราวของตุ๊กตาปีศาจในจักรวาล “The Conjuring” แกรี่ ดาวเบอร์แมน ผู้เขียนบทฯ  “Annabelle”, “IT” และ “The Nun” ทำหน้าที่กำกับฯ ครั้งแรกในเรื่องนี้ อำนวยการสร้างฯ โดยปีเตอร์ ซาฟราน (“Aquaman”) ผู้ผลิตภาพยนตร์แฟรนไชส์ The Conjuringทุกเรื่อง และผู้สร้างจักรวาล “Conjuring” เจมส์ วาน (“Aquaman”)
                ผู้เชี่ยวชาญด้านปีศาจอย่างเอ็ดและลอร์เรน วอร์เรนตั้งใจป้องกันแอนนาเบลล์ออกมาแก้แค้นรุนแรงกว่าเดิม พวกเขานำตุ๊กตาผีเก็บไว้ในห้องเก็บของในบ้านของพวกเขาที่ล็อคเอาไว้ โดยเก็บเธอไว้ “อย่างปลอดภัย” ในแก้วศักดิ์สิทธิ์และได้รับพรจากบาทหลวงด้วย แต่ในค่ำคืนที่ความชั่วร้ายจดจ้องอยู่ แอนนาเบลล์ถูกปลุกวิญญาณความชั่วร้ายขึ้นมาในห้อง โดยมีเป้าหมายใหม่เป็น จูดี้ ลูกสาววัย 10 ขวบของครอบครัววอร์เรนและเพื่อน ๆ ของเธอ
                ภาพยนตร์นำแสดงโดยแม็คเคนน่า เกรซ (ภาพยนตร์ทางทีวี “The Haunting of Hill House,” “Gifted,” “Captain Marvel”) ในบทจูดี้, เมดิสัน ไอซ์แมน (“Jumanji: Welcome to the Jungle,” “Goosebumps 2: Haunted Halloween”) ในบทแมรี่ เอลเล็น พี่เลี้ยงของเธอ และ เคที่ ซารีฟ (ภาพยนตร์ทางทีวี “Youth and Consequences” และ “Supernatural”) ในบทแดเนียลลา เพื่อนผู้มีปัญหา พร้อมด้วยแพทริค วิลสัน (“Aquaman,” “The Conjuring” และ “Insidious”) และเวรา ฟาร์มิกา (“The Conjuring” ภาพยนตร์ที่กำลังเข้าฉาย “Godzilla: King of the Monsters” ภาพยนตร์ทางทีวี “Bates Motel”) ที่กลับมารับบทเอ็ดและลอร์เรน วอร์เรนของพวกเขา
ดาวเบอร์แมนกำกับฯ จากบทที่เขาเขียนเอง เนื้อเรื่องโดยดาวเบอร์แมนและวาน อำนวยการสร้างบริหารฯ โดยริชาร์ด บรีเนอร์, เดฟ นูสแตดเตอร์, วิคตอเรีย พัลเมรี่, ไมเคิล เคลียร์, มิเชล มอร์ริสซีย์ และอำนวยการสร้างบริหารโดยจัดสัน สก็อตต์แห่ง Atomic Monster
ทีมงานเบื้องหลังของดาวเบอร์แมน ได้แก่ ผู้กำกับภาพไมเคิล เบอร์เกส (ภาพยนตร์ที่กำลังจะฉาย “The Curse of La Llorona”) ผู้ออกแบบฉากเจนนิเฟอร์ สเปนซ์ (“Annabelle: Creation,” “The Nun”) ผู้ลำดับภาพเคิร์ก มอร์ริ (“Aquaman”) และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายลีอาห์ บัตเลอร์ (“Annabelle: Creation”) ดนตรีโดยโจเซฟ ไบชาร่า (“The Conjuring”)
นิว ไลน์ ซีเนม่า นำเสนอภาพยนตร์ผลงานจาก an Atomic Monster/Peter Safran Production เรื่อง “Annabelle Comes Home - แอนนาเบลล์ ตุ๊กตาผีกลับบ้าน มีกำหนดเปิดตัวในโรงภาพยนตร์ทั่วไปและระบบไอแมกซ์เริ่ม 26 มิถุนายน 2019 จะจัดจำหน่ายโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส





รายละเอียดการถ่ายทำ

เอ็ด
เราคิดว่าให้ตุ๊กตามาอยู่กับเราจะดีกว่า
เราจะเก็บไว้ในที่ปลอดภัย

ผู้ชำนาญด้านการปราบผีอย่างเอ็ดและลอร์เรน วอร์เรนได้รับตุ๊กตาแอนนาเบลล์กลับคืนมาจากกลุ่มพยาบาลที่เกิดความกลัว ตุ๊กตาแอนนาเบลล์ถูกเก็บไว้อย่างดีมานานนับปี ในบ้านหลังใหม่ที่เต็มไปด้วยของสะสมที่มีปีศาจสิงอยู่ของครอบครัววอร์เรนซึ่งเป็นสถานที่เริ่มต้นของเรื่องราว แม้ว่าทุกอย่างจะดูเงียบสงบในช่วงนั้น แต่ข้าวของทุกอย่างที่มีพลังแห่งความชั่วร้ายซ่อนอยู่ล้วนสัมผัสได้ถึงการโผล่มาของแอนนาเบลล์ 
บทภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนขึ้นโดยผู้เขียนบทฯ แฟรนไชส์ “Annabelle” แกรี่ ดาวเบอร์แมน ซึ่งทำหน้าที่กำกับภาพยนตร์ครั้งแรกในเรื่อง “Annabelle Comes Home - แอนนาเบลล์ ตุ๊กตาผีกลับบ้าน  รู้สึกเหมือนเป็นขั้นตอนการทำงานธรรมดา และก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องก้าวต่อไปข้างหน้า  เจมส์กับปีเตอร์เองก็ให้การสนับสนุนมากครับ” เขาพูดถึงผู้อำนวยการสร้างฯ เจมส์ วานและปีเตอร์ ซาฟราน โดยวานและดาวเบอร์แมนช่วยกันแต่งเรื่องราว โดยดาวเบอร์แมนเล่าว่าพวกเขารู้ทันทีว่าอยากให้เรื่องราวเกิดขึ้นที่บ้านวอร์เรนเป็นหลัก โดยยังรักษาบรรยากาศของยุค 1970 ที่มีเสน่ห์เอาไว้ และขณะเดียวกันก็ให้ความสนใจข้าวของภายในบ้านวอร์เรนมากขึ้นกว่าเดิมด้วย
 บรรยากาศเป็นช่วงต้นยุค 70 หลังจากเหตุการณ์คดีของเพอร์รอนในเรื่อง ‘The Conjuring’ เพียงไม่นาน ครอบครัวของวอร์เรนเริ่มมีการตอบคำถามสื่อที่อยู่รายล้อมพวกเขา หลังจากที่ผู้คนเริ่มรู้ว่าพวกเขามีอาชีพอะไร โดยที่เอ็ดและลอร์เรนไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะทำให้จูดี้ต้องแบกรับกับอะไรหนักมากขึ้น
จูดี้ วอร์เรนคือลูกสาววัย 10 ขวบของพวกเขา ซึ่งนี่ก็ไม่ต่างจากภาพยนตร์เรื่อง “Annabelle” ทุกภาคที่เป็นเรื่องราวแต่งขึ้นมา มีเพียงเหตุการณ์คร่าว ๆ บางส่วนเท่านั้นที่เป็นเรื่องราวจริงในคดีของวอร์เรน ดาวเบอร์แมนรู้สึกว่าคงน่าสนใจถ้าจะได้เห็นโลกของเรื่องราวเหนือธรรมชาติของพ่อแม่ผ่านมุมมองของจูดี้ การเป็นลูกของพวกเขาที่ได้เห็นพวกเขากลับมาจากการทำงานจะรู้สึกแบบไหน  พวกเขาต้องเผชิญกับเรื่องที่น่ากลัวและเรื่องราวลึกลับทุกวัน?” เขาคิด “หรือการมีข้าวของต่าง ๆ ในห้องเก็บของที่ได้มาจากการสืบสวนคดีน่ากลัว?”
ความอยากรู้อยากเห็นน่าจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเด็กส่วนใหญ่ แต่สำหรับจูดี้กลับเข้าใจเรื่องนั้นในบ้านดี เพราะพ่อและแม่ของเธอกำชับอย่างเข้มงวดเรื่องอันตรายของห้องที่ล็อคเอาไว้ แอนนาเบลล์อาจเพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาในข้าวของที่เก็บสะสม แต่ที่นี่มีข้าวของผีสิงนับร้อยชิ้น ทุกชิ้นถูกควบคุมความอันตรายได้และได้รับพรอันศักดิ์สิทธิ์จากบาทหลวงเรียบร้อย
 ในหนังเรามักจะรักไอเดียของการใช้ห้องเก็บของสะสมให้อยู่ในบ้าน” ซาฟรานกล่าว เขาคือผู้อำนวยการสร้างฯ “Conjuring” ทั้ง 6 เรื่อง เราเคยถ่ายทอดออกมาให้เห็นแล้ว เราทำให้เห็นว่ามันมีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่ในเรื่อง “Annabelle Comes Home – แอนนาเบลล์ ตุ๊กตาผีกลับบ้าน เราต้องให้ขอบเขตเธออย่างเต็มที่ เรื่องราวที่แกรี่และเจมส์คิดขึ้นมาอิงจากธรรมชาติของแอนนาเบลล์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ เธอจึงกลายเป็นตัวนำของวิญญาณร้ายอื่น ๆ
นอกจากวานจะเป็นผู้อำนวยการสร้างฯ แล้วยังเป็นผู้แต่งแฟรนไชส์ “Conjuring” เขาเล่าว่า “ผมคิดว่าความหลงใหลในตุ๊กตาผีสิงนี้ทำให้ผมไปหาครอบครัววอร์เรน มันมีความคาใจเกี่ยวกับเรื่องของแอนนาเบลล์ตัวจริง จนทำให้ผมอยากเข้าไปสำรวจมากขึ้นว่าพวกเขาเป็นใครและอยากศึกษาเกี่ยวกับตุ๊กตาตัวนี้ที่เป็นกุญแจสำคัญในคอลเลคชั่นของพวกเขา”
ตั้งแต่มีการแนะนำแอนนาเบลล์ในรูปแบบภาพยนตร์ให้ทุกคนรู้จัก วานยอมรับว่า “ผมเกิดความหลงใหลในไอเดียของสิ่งไม่มีชีวิต เป็นสิ่งที่ดูไร้พิษภัย และเป็นของเล่นเด็กที่มีวิญญาณร้ายอาศัยอยู่คือเรื่องที่นำมาพัฒนาได้ ฉะนั้นเรื่องราวของแอนนาเบลล์และเดอะ ครูก แมนในเรื่อง ‘The Conjuring 2’ ทำให้ผมเกิดความสนใจมาอย่างต่อเนื่อง”
ตอนนี้เมื่อถึงเวลา “กลับบ้าน” แอนนาเบลล์มี “เพื่อน” เยอะแยะมากมาย และผู้สร้างภาพยนตร์ได้ร่วมงานกับนักแสดงที่มีบุคลิกโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์... ซึ่งเป็นมนุษย์เพียงไม่กี่คน “ในเรื่องราวของเราครอบครัววอร์เรนจะออกจากบ้านไปทำงานช่วงกลางคืน ทิ้งจูดี้ให้อยู่บ้านกับ แมรี่ เอลเล็น พี่เลี้ยงของเธอ” ซาฟรานกล่าว “เพราะเหตุการณ์สำคัญของเราในหนังล้วนเกิดขึ้นภายในคืนนั้น เรายิ่งต้องเร่งความเข้มข้นของเรื่องและทำให้เป็นเรื่องหลักของหนัง”
แพทริค วิลสันผู้กลับมารับบทเอ็ด วอร์เรน เล่าว่าเขากับเวรา ฟาร์มิกา เพื่อนนักแสดงของเขารักการแสดงบทเหล่านี้ เพราะเรารู้ดีว่าจะได้เล่นอะไรที่มีความเครียดมากขึ้น มีความน่ากลัวมากขึ้น ต้องเจอกับความลึกลับบางอย่าง แต่ก็ได้พบกับบางมุมที่ถ่ายทอดเรื่องราวของคู่รักนี้อีกด้านหนึ่งออกมา โดยเฉพาะในหนังเรื่องนี้จะเป็นมุมความรักของพ่อแม่ที่มีต่อจูดี้”
ฟาร์มิกา ผู้ร่วมแสดงของวิลสันก้าวมารับบทลอร์เรน วอร์เรนเป็นครั้งที่ 4 และได้เพิ่มความน่าสนใจลงไปในเรื่องราวอีกหลายอย่าง ความรักที่แสนบริสุทธิ์ของพวกเขาและความผูกพันที่มีให้กัน การปรับสมดุลระหว่างกัน รวมถึงไอเดียของความศรัทธาที่เป็นพลังสำคัญของพวกเขา มันคือสิ่งที่โดดเด่นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับความชั่วร้ายที่พวกเขาต้องเผชิญ”
ในช่วงค่ำคืนที่ครอบครัววอร์เรนไม่อยู่บ้าน ทำให้แดเนียลลาซึ่งเป็นเพื่อนของแมรี่ เอลเล็นได้มาที่บ้านหลังนี้ เธอยอมให้เพื่อนแสดงความอยากรู้อยากเห็นออกมาได้อย่างเต็มที่ และเธอเองก็มีความสนใจในสิ่งที่ครอบครัววอร์เรนทำเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วด้วย เธอได้ปลดล็อคกล่องที่เก็บแอนนาเบลล์ออกมา เธอมอบอิสรภาพให้กับข้าวของที่ดูแล้วไม่น่าขยับเคลื่อนไหวได้ จนพวกมันมีอำนาจที่เด็กสาวทั้ง 3 ไม่อาจต่อสู้ต้านทานได้.. และอาจถึงแก่ความตาย


ลอร์เรน
พวกวิญญาณร้ายไม่สิงตามข้าวของ พวกมันจะสิงผู้คน
มันอยากเข้ามาสิงในร่างคุณ

Description: Add 
นักแสดงและตัวละครต่าง ๆ Description: Add
ช่วงที่ดาวเบอร์แมนและวานเริ่มคิดถึงเนื้อเรื่องของ “Annabelle Comes Home - แอนนาเบลล์ ตุ๊กตาผีกลับบ้าน วานกำลังถ่ายทำเรื่อง “Aquaman” ร่วมกับวิลสัน มีการรวบรวมสิ่งที่พวกเขาได้พูดคุยกันและนักแสดงได้เล่าว่า “เจมส์อยากเดินหน้าต่อด้วยหนังเรื่อง ‘Annabelle’ ภาคต่อไป ทิ้งอดีตเอาไว้และพาเธอกลับบ้าน หมายถึงบ้านของครอบครัววอร์เรน เขาเกิดไอเดียที่อยากพาลอร์เรนและเอ็ดเข้ามาในเรื่องราวและทำให้พวกเขาดูหายไป ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว”
ภาพยนตร์เปิดตัวด้วยฉากที่ครอบครัววอร์เรนเอาตุ๊กตาแอนนาเบลล์มาจากนักเรียนพยาบาล พวกเธอมีความสุขเป็นพิเศษเมื่อได้ทิ้งตุ๊กตา จากนั้นทั้งคู่ได้ขับรถไปบนถนนที่ดูว่างเปล่าพร้อมกับตุ๊กตาที่นั่งอยู่ในรถด้วยความรู้สึกอึดอัดเหมือนมีใครนั่งอยู่เบาะหลัง “มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นระหว่างทาง ซึ่งอิงมาจากเรื่องจริงที่ครอบครัววอร์เรนเจอระหว่างทางกลับบ้านพร้อมกับตุ๊กตา ซึ่งเหมือนเป็นการบอกใบ้ว่ากำลังจะมีบางสิ่งเกิดขึ้น” วิลสันกล่าว “แต่สุดท้ายพวกเขาก็พาเธอกลับบ้านได้”
แม้ว่าเนื้อเรื่องจะมีความน่ากลัวอยู่แล้วโดยธรรมชาติ วิลสันและฟาร์มิกาก็แสดงความอ่อนโยนที่สะท้อนถึงชีวิตจริงออกมาได้บนหน้าจอ และการที่ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งถือเป็นเรื่องที่ทั้งคู่ดีใจ ฟาร์มิกาเล่าว่าแม้ฉากนั้นจะเครียดระหว่างถ่ายทำขนาดไหนก็ตาม “ฉันรักรอยยิ้มที่แพทริคมีในแต่ละวัน” พร้อมทั้งกล่าวติดตลกว่า “มีครั้งนึงฉันลองให้เขาจับเวลาดู ในเวลา 60 วินาทีเขายิ้มออกมาอย่างน้อย 15 ครั้ง
วิลสันเองก็เล่าว่า “เวราเป็นคนที่แกล้งให้กลัวได้อย่างสนุกมากครับ แถมยังง่ายมากด้วยซึ่งมันช่วยในหนังเรื่องนี้ได้มากเลย เธอคือหนึ่งในนักแสดงหญิงที่เก่งมาก ไม่มีช่วงไหนเลยที่เธอแสดงออกมาไม่ได้ และขณะเดียวกันเธอก็มีความสดใสอยู่ในตัวด้วย”
ฟาร์มิกาเล่าเสริมว่า “แพทริคเป็นคนที่เก่งค่ะและเราก็มีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกัน” และหลังจากที่ได้ร่วมงานกันในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ผ่านมา เธอสังเกตได้ว่า “เขาเหมือนกับคนในครอบครัว เหมือนลูกพี่ลูกน้องที่หยอกล้อกันได้ค่ะ”
นักแสดงทั้งคู่ต่างรู้สึกว่ามันไม่ได้แค่ช่วยการทำงานในหนังสยองขวัญเท่านั้น เพราะพวกเขาต้องรับบทคู่รักที่มีตัวตนจริงและต้องแก้ไขปัญหาด้วยไหวพริบและความอ่อนโยน “ฉันคิดว่ามันไม่ใช่เนื้อเรื่องของหนังสยองขวัญซะทีเดียว แต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักด้วยค่ะ” ฟาร์ไมก้ากล่าว “และฉันคิดว่านั่นคือเหตุผลที่มันลงตัวสำหรับเราค่ะ”
ฟาร์มิกายังเล่าอีกว่าเป็นการร่วมงานกับดาวเบอร์แมนครั้งแรกที่ผ่านไปด้วยดีมาก “มันเหมือนกับออซเลยค่ะ สุดท้ายออกมาจากหลังม่านและได้เห็นจินตนาการของเขา เขาทำหน้าที่นี้ได้ด้วยความมั่นใจ” เธอยิ้ม
ดาวเบอร์แมนเองก็สนุกกับการร่วมงานกับฟาร์มิกาและวิลสัน “การมีโอกาสได้กำกับฯ แพทริคและเวราในบทเอ็ดและลอร์เรนเหมือนกับฝันที่เป็นจริงเลยครับ” เขากล่าว “พวกเขารู้จักตัวละครนี้เป็นอย่างดี และมีไอเดียดี ๆ ว่าควรจะแสดงฉากนี้ยังไง มันรู้สึกเหมือนอยู่หลังพวงมาลัยรถเฟอร์รารี่เลยครับ พวกเขาทำงานได้อย่างไหลลื่นดีมาก รู้ว่าต้องทำอะไร บางครั้งเหมือนเราปล่อยพวงมาลัยได้และรู้ว่าเราจะต้องปลอดภัยดี
 พวกเขาให้ความร่วมมือดีมากครับ” เขาเล่าต่อ “นี่เป็นหนังเรื่องแรกของผม พวกเขามีความอดทนและให้ความร่วมมือ โชคดีมากที่มีพวกเขามาร่วมงานและเป็นตัวหลักในเรื่องของเรา”
ขณะที่ในเรื่องให้ความสนใจที่แอนนาเบลล์และข้าวของอื่น ๆ รวมถึงความเลวร้ายที่พวกเขารวมตัวกันสร้างขึ้นมา ครอบครัววอร์เรนออกจากบ้านช่วงค่ำคืนที่น่ากลัวนั้น ลูกสาวของพวกเขา พี่เลี้ยงและเพื่อนต้องทำทุกทางเพื่อเอาตัวรอดให้ได้ แม้ว่าจูดี้จะไม่เคยปริปากบอกใคร แต่ตอนนี้เธอเริ่มสงสัยว่าเธอจะเหมือนพ่อแม่มากกว่าที่พ่อแม่รู้
จูดี้ รับบทโดยแม็คเคนน่า เกรซ เธอเล่าว่า “ตัวละครของฉันมีพลังเหมือนกับแม่ของเธอเลยค่ะ เธอสามารถมองเห็นภาพต่าง ๆ และคิดว่าตัวเองไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่ เพราะมันน่ากลัวมากที่ได้เห็นภาพพวกนั้นอยู่ในหัว หรือมันอาจไม่ใช่แค่ภาพในหัวก็ได้”
เธอต้องรับมือกับการถูกขับไล่จากที่โรงเรียน เมื่อสังคมที่นั่นเริ่มรู้ว่าพ่อแม่ของเธอทำงานอะไรตามที่สื่อได้ตีพิพม์ออกมาผ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น “เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร เพราะเด็ก ๆ ที่โรงเรียนก็คอยแกล้งหรือไม่อยากเป็นเพื่อนของเธอ”
เกรซเล่าว่าในชีวิตจริงตัวเธอมีส่วนร่วมกับที่โรงเรียนเยอะมาก เธอเล่าว่า “ฉันพบว่าตัวเองต้องมารับบทนี้ช่วงที่กำลังซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ ฉันออกมานั่งพักช่วงนึงเลยคะ ฉันรู้ว่ามันจะต้องท้าทายเพราะมันมีการร้องไห้และส่งเสียงกรี๊ดเยอะมาก แทบจะในหนังทั้งเรื่องเลย แต่ฉันก็รู้สึกตื่นเต้นสุด ๆ!”
สำหรับการรับบทนี้เธอมีความตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะเธอเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนังแนวนี้อยู่แล้ว “คุณพ่อกับฉันชอบดูหนังสยองขวัญด้วยกันช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ค่ะ และฉันคิดว่ามันเป็นหนังที่สนุกมาก เจมส์ วานมีความอัจฉริยะในตัว” เธอกล่าว “ฉันชอบความตื่นเต้นที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้เราจะรู้สึกว่า มันต้องน่ากลัวมากแน่ ๆ เลย ตื่นเต้นจังแต่ก็กลัวด้วย หลังจากดูแล้วคุณจะหัวเราะออกมาและคิดว่า ว้าว มันบ้ามากเลย อยากดูอีกรอบจัง!’”
ในฐานะของแฟนพันธุ์แท้คนหนึ่งของเรื่อง “Conjuring” เกรซรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับฟาร์มิกาและวิลสัน ส่วนพวกเขาเองก็รู้สึกประทับใจในตัวเธอเช่นกัน “เธอเป็นนักแสดงที่น่าทึ่งมากค่ะ” ฟอร์เมอร์กล่าว “แถมยังเป็นคนที่น่ารักอีกด้วย ฉันคิดว่าไม่เคยเจอเด็กที่ไหนทำตัวน่ารักกว่าแม็คเคนน่านะคะ อารมณ์ความรู้สึกของเธอที่แสดงออกมามันน่าประทับใจมาก”
 มันทำให้ผมแปลกใจได้ตลอดเวลาที่มาเข้าฉากและเห็นความสมดุลระหว่างการทำความเข้าใจหลักการทำงาน ในแต่ละเทค ตัวนักแสดง ผู้กำกับฯ และอะไรอีกหลายอย่างแล้วยังสามารถคงความเป็นเด็กเอาไว้ได้” วิลสันกล่าว “เราพูดได้ว่าแม็คเคนน่ามีความสนุกและรักการแสดง แต่เราก็สามารถให้คำแนะนำกับเธอ จนเธอเอากลับไปทำตามได้ด้วย เธอเป็นคนที่มีความกล้าหาญอย่างแท้จริง”
ช่วงที่เกิดเรื่องราวต่าง ๆ เป็นวันเกิดของจูดี้ แม้ว่าไม่มีใครได้รับเชิญให้มางานปาร์ตี้วันเกิดของเธอ แต่พี่เลี้ยงของเธอ แมรี่ เอลเล็นตั้งใจจะทำเค้กวันเกิดให้เธอ แมดิสัน ไอซ์แมน ผู้รับบทนี้เล่าว่า “แมรี่ เอลเล็นเหมือนเป็น ผู้เยียวยา เธอรู้สึกว่าตัวเองต้องทำให้ทุกคนมีความสุขและรู้สึกอุ่นใจ ซึ่งวันนี้คือเรื่องของจูดี้ พวกเธอไว้วางใจกันและฉันคิดว่าโตมาด้วยกันด้วยค่ะ แมรี่ เอลเล็นเลยคิดว่าจูดี้เหมือนกับน้องสาวและอยากทำอะไรหลายอย่างให้เธอ”
ไอซ์แมนสนุกกับการร่วมงานกับเพื่อนนักแสดงตัวน้อย “แม็คเคนน่าเป็นนักแสดงเด็กที่มีความสามารถมากเท่าที่ฉันเคยร่วมงานมาด้วยเลยค่ะ เธอทำให้ฉันแปลกใจได้ทุกครั้งที่เข้าฉากด้วยกัน เธอเก่งมากเลย”
จูดี้ไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่แมรี่ เอลเล็นเฝ้าจับตามอง แดเนียลลา เพื่อนของเธอได้เดินทางมาที่บ้านหลังนี้โดยมีจุดมุ่งหมายบางอย่าง เธออาศัยผู้ชายที่แมรี่ เอลเล็นตกหลุมรักมาแบล็คเมล์เธอเพื่อยอมให้แดเนียลลาเข้ามาในบ้านได้ในช่วงที่ครอบครัววอร์เรนไม่อยู่
ไอซ์แมนคิดว่าเด็กทั้ง 2 คนเหมือนกับ “หยินและหยาง” แมรี่ เอลเล็นเป็นคนที่มีสติ ส่วนแดเนียลลาก็เป็นคนดีแต่ชอบสร้างปัญหา แต่พวกเขารักกันและเหมือนมาสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นระหว่างกัน แม้แต่ช่วงที่ทุกอย่างในบ้านเริ่มผิดปกติ แมรี่ เอลเล็นก็ยังออกตัวเรื่องที่ยอมให้แดเนียลลามาที่บ้าน นั่นคือสิ่งที่เธอเป็นค่ะ”
เคที่ ซารีฟ ผู้รับบทแดเนียลลาเล่าว่า เธอเป็นคนสนุกสนาน ชอบเข้าสังคม มีความมุ่งมั่น และเป็นคนใส่ใจเรื่องความรู้สึกมากค่ะ แต่เธอก็มีความสงสัยเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย เรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติที่มาจากสิ่งที่มองไม่เห็น ฉะนั้นพอเธอรู้ว่าครอบครัววอร์เรนทำอะไร และแมรี่ เอลเล็นเป็นพี่เลี้ยงให้ครอบครัวนั้น เธอจึงพาตัวเองไปที่นั่นและสร้างเรื่องวุ่น ๆ ขึ้นมา”
อันที่จริงแล้วแดเนีลลาเป็นคนกระตุ้นเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมา เพราะเธอไม่ได้แค่แอบเข้าไปยังห้องเก็บของที่ล็อคไว้และเปิดตู้เก็บแอนนาเบลล์ แต่เธอยังแตะต้องข้าวของทุกอย่าง ตื่นเต้นกับการได้สัมผัสอะไรหลายอย่าง ซารีฟรู้สึกว่าฉากนั้นมีความน่าทึ่งอยู่ในตัวมาก
 ที่นั่นเป็นห้องสำคัญในบ้านของครอบครัววอร์เรน เพราะข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคดีต่าง ๆ ของพวกเขาอยู่ที่นั่นทั้งหมด” เธอกล่าว แม้ว่าจะเป็นแค่ฉากในหนังแต่เวลาเดินเข้าไปจะรู้สึกเหมือนมีสายตานับล้านจับจ้องมองเราอยู่ มีข้าวของหลายอย่างมาก จากนั้นจะเริ่มนึกภาพพวกภูตผีปีศาจและวิญญาณต่าง ๆ จะกระโจนออกมาถ้ามันมีจริง... เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะมีอะไรที่ลุกขึ้นมาได้บ้าง”
ดาวเบอร์แมนเล่าถึงเด็กทั้ง 3 คนว่า “การร่วมงานกับแมดิสัน แม็คเคนน่า และเคที่ผ่านพ้นไปด้วยดีมากครับ เรื่องราวเกิดขึ้นรอบตัวพวกเขา และพวกเขาก็เข้าใจเนื้อเรื่องกันได้ดีมาก นั่นคือสิ่งสำคัญเพราะบางสิ่งที่น่ากลัวมันจะหลุดโลก มีความน่าทึ่ง และมันจะถ่ายทอดออกมาไม่ได้เลยถ้าเราไม่มี 3 สาวเหล่านี้ พวกเธอถ่ายทอดพลังที่น่าทึ่งบางอย่างออกมาได้ เข้าถึงบทบาทได้หมดเลย และยังถ่ายทอดความผูกพันโดยส่วนตัวออกมาได้ดีมากด้วย เราจะเชื่อเลยว่าพวกเธอเป็นเพื่อนซี้กันและเคยผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ร่วมกันมาจริง ๆ”
ซาฟรานเล่าว่า เราพบกับแมดิสันตั้งแต่ช่วงคัดเลือกตัวนักแสดงแรก ๆ ความสามารถของเธอปรากฎขึ้นในช่วงที่เธอกำลังร่าเริง ช่วงที่เธอกลัวก็ดูเหลือเชื่อมากครับ เรารู้ตั้งแต่อยู่ในห้องนั้นเลยว่าเธอต้องมาเป็นแมรี่ เอลเล็นของเรา เราใช้เวลานานตามหาแดเนียลลา แต่เมื่อเคที่เดินเข้ามาพวกเราถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะเรารู้กันเลยว่าได้พบกับแดเนียลลาของเราสักที ส่วนแม็คเคนน่า... ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เราได้พบกับคนในอายุเท่านี้ มีความสามาถและหลักการทำงานแบบนี้ เรารู้ตั้งแต่ตอนเธอเดินเข้ามาออดิชั่นเลยครับว่าเธอคือคนที่ใช่ และเธอก็ถ่ายทอดบทบาทออกมาได้อย่างดีเยี่ยม”
มีรายละเอียดสำคัญที่ดาวเบอร์แมนเล่าว่าเหล่านักแสดงหญิงได้ถ่ายทอดเพิ่มเติมลงไปในบทบาทว่า “ทั้งสามมีการกรีดร้องที่มีความคลาสสิค กรีดร้องออกมาจากความเจ็บปวดอย่างถึงเลือดถึงเนื้อ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เราต้องการ ผมพยายามหาจังหวะให้พวกเธอแสดงออกมามากขึ้นเพราะพวกเธอทำออกมาได้ดีมาก”
บรรดานักแสดงคนอื่นยังมีไมเคิล ซิมิโนผู้มารับบทบ็อบ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Bob’s got balls” ผู้ชายที่แมรี่ เอลเล็นตกหลุมรักในร้านขายของ สตีฟ โคลเตอร์ที่เราคุ้นหน้าจาก “The Conjuring” กลับมารับบทคุณพ่อกอร์ดอน ผู้ประทานพรให้แอนนาเบลล์ตอนที่เธอเดินทางมาถึงบ้านพร้อมกับเอ็ดและลอร์เรน รวมถึงเด็ก ๆ ในโรงเรียนของจูดี้ เช่น ลูก้า ลูฮานในบทแอนโธนี่ ริออส ชื่อของเขามาจากโทนี่ สเปียร่า ผู้ศึกษาเรื่องราวเหนือธรรมชาติสามีของจูดี้ วอร์เรน สเปียร่า

เอ็ด
ทุกอย่างที่เห็นในห้องนี้ ถ้าไม่มีผีสิงก็ถูกสาป
หรือถูกใช้พื่อทำพิธีกรรมทางศาสนาบางอย่าง
ไม่ใช่ของเล่นเด็ก

ข้าวของต่าง ๆ
ฉากหนึ่งที่สำคัญในเรื่อง “Annabelle Comes Home - แอนนาเบลล์ ตุ๊กตาผีกลับบ้านคือห้องเก็บของอาถรรพ์ในบ้านของวอร์เรน บ้านที่ไม่ได้มีแค่พวกข้าวของแต่ยังมีวิญญาณร้ายต่าง ๆ สิงอยู่ในนั้นด้วย แม้ว่าแอนนาเบลล์จะเป็นของใหม่ที่เพิ่งมาอยู่ที่นี่ แต่นี่เป็นการกลับมาครั้งที่ 4 ของเธอแล้ว เธอมีพลังมากและทำให้เจ็บปวดถึงขั้นน้ำตาตกได้เลยจากประสบการณ์ที่ผ่านมา โดยครั้งนี้จะมีการเชือดเฉือนอย่างรุนแรงกว่าเดิม ในเรื่อง “Annabelle: Creation” เธอถูกผลิตขึ้นมาโดย Studio ADI ผู้ผลิตตุ๊กตาทั้ง 3 ตัวโดย 2 ตัวใหม่จะเป็นตุ๊กตาฮีโร่ตัวหลัก ส่วนอีกตัวเป็นตุ๊กตาสตั๊นท์ ตอนนี้แต่ละตัวจะมีการออกแบบใหม่ เช่น ลักษณะข้อศอกและข้อมือที่ดูโค้ง สามรถยืนตรงได้ ไม่ต่างจากนักแสดงคนสำคัญในเรื่องที่จะต้องมีสแตนอิน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตุ๊กตาที่มาจากหนังภาคก่อน
ความท้าทายสำคัญอย่างหนึ่งคือการสร้างห้องที่เต็มไปด้วยฉากที่มีแต่ของแปลก ของน่าสนใจจากคดีต่าง ๆ และของประกอบฉากที่มีความสำคัญ นอกจากตัวแอนนาเบลล์แล้วยังมีกล่องกระจกสำหรับเก็บเธอที่มีสัญลักษณ์สำคัญเตือนว่า คำเตือน: ห้ามเปิดโดยเด็ดขาด ข้าวของบางอย่างจะคุ้นตาแฟน ๆ จากเรื่องThe Conjuring” สองภาคก่อน เช่น กล่องดนตรี ตุ๊กตาลิงของเล่นที่มีหีบเพลงและดาบซามูไรขนาดใหญ่
ในบรรดาของสำคัญในเรื่องที่เพิ่มเติมเข้ามายังมีเปียโน เจ้าสาว เฟอร์รี่แมนที่มีเหรียญและกระเป๋าอยู่ด้วย กำไลสมัยพระนางเจ้าวิคตอเรีย กังหัน ทีวี Philco Predicta เกม Feeley Meeley เครื่องพิมพ์ดีดเรมิงตัน นาฬิกาปลุกเสียงนกร้อง  วิทยุ งู เครื่องโทรเลข และเข็มทิศสำหรับการเดินเรือ
 ห้องเก็บของอาถรรพ์เป็นสถานที่หนึ่งในหนังที่เวลาเราเห็นทีไร เราจะอยากอยู่กับมันนานขึ้นเพราะมีอะไรหลายอย่างให้คิด” ดาวเบอร์แมนยืนยัน “หนังเรื่องนี้จะเติมเต็มเรื่องนั้น และอาศัยข้าวของอีกหลายชิ้นในนั้นเป็นตัวสะท้อนถึงการมีตัวตนของแอนนาเบลล์ ในหนังเรื่องอื่นที่นั่นคือที่ปลอดภัย ส่วนในเรื่องนี้เราจะทำให้มันดูเป็นที่อันตรายมากขึ้นเหมือนที่หลบซ่อนศัตรูของเรา”
มีของหลายอย่าง เช่น ทีวี เครื่องพิมพ์ดีด และลิงที่เจนนิเฟอร์ สเปนซ์ ผู้ออกแบบฉากหาได้จากร้านขายของในลอส แอนเจลิสและตามตลาด “สำหรับฉันมันคือการทำงาน แต่ฉันก็รักในสิ่งที่ทำด้วยค่ะ ฉันทุ่มเทมาก” เธอกล่าว มันเป็นงานที่สนุกเวลาเราใช้เวลาวันหยุดสุดสัปดาห์ไปกับการออตามหาของน่ารัก ๆ ที่ผู้สร้างภาพยนตร์และผู้ชมจะหลงรัก”
ข้าวของชิ้นอื่นผลิตขึ้นมาโดยผู้ชำนาญอย่างโธมัส สเปนซ์ที่เคยร่วมงานในเรื่อง “Annabelle: Creation” เขาพบว่าหนังเรื่องนี้เหมือนเป็นการคืนกำไรโดยได้เล่าว่า “สิ่งที่ผมชอบในงานนี้คือการออกแบบฉากที่มีทั้งความสร้างสรรค์และความแตกต่าง พร้อมกับคอนเซ็ปต์และมีการสร้างข้าวของที่เราเล่นด้วยได้จริง ๆ โดยเฉพาะหนังเรื่องนี้ต้องเป็นข้าวของแนวพีเรียด ซึ่งในหนังสยองขวัญมันทำให้ผมต้องคอยคิดว่าผู้ชมจะมีการตอบรับกับสิ่งที่ผมสร้างขึ้นในหนังแบบนี้ยังไง”
สำหรับข้าวของต่าง ๆ จะเก็บไว้ในห้องเก็บของอาถรรพ์เท่านั้น แต่แน่นอนทุกอย่างที่อยู่ในห้องเก็บของอาถรรพ์ใช่ว่าจะถูกขังไว้ในห้องอาถรรพ์


เอ็ด
เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่มารู้จักตุ๊กตานี่
ซึ่งวิญญาณร้ายกำลังเล่นกับคุณ
คุณยอมให้มันรังควานเข้ามาในชีวิตเอง

Description: Addเรื่องผี ๆ Description: Add
               
จักรวาลของภาพยนตร์เรื่อง “The Conjuring” จะมีธรรมเนียมปฏิบัติมาอย่างยาวนานเรื่องการเชิญบาทหลวงมาทำพิธีในกองถ่าย แต่ทุกคนก็ยังมีการเล่าเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นระหว่างถ่ายทำกันอยู่ มีหลายเรื่องที่ได้พบเจอกันทั้งทีมงานและนักแสดง ซึ่งในเรื่อง “Annabelle Comes Home - แอนนาเบลล์ ตุ๊กตาผีกลับบ้านก็ไม่แตกต่างกันนัก
ตัวอย่างเช่นในช่วงเตรียมการถ่ายทำ เก้าอี้นั่งเล่นเปียโนในห้องเก็บของขยับช่วงกลางคืนหลายครั้ง แม้ว่าจะไม่มีใครทำงานและโรงถ่ายก็ล็อคไว้ นอกจากนั้นยังมีช่วงที่เปิดเยี่ยมกองถ่าย นาฬิกาของนักข่าวคนหนึ่งเกิดความผิดปกติ เวลาเปลี่ยน เดินเร็วขึ้นจนข้ามล่วงหน้าไปหลายชั่วโมง ตอนแรกคิดว่าถ่านคงหมด แต่พอจะเอานาฬิกามาใส่ในวันรุ่งขึ้น ปรากฎว่าเวลาถูกต้องและนาฬิกาก็ทำงานปกติดี
แม็คเคนน่า เกรซเองก็ได้พบกับเรื่องน่ากลัวอยู่หลายรั้ง เช่น อยู่ ๆ เธอก็หมดแรงอยู่ในรถเทรลเลอร์ ประตูที่เปิดเอาไว้อยู่ดี ๆ ก็ปิดเอง เห็นเหมือนเงาอยู่ในห้องว่าง ๆ ที่โรงถ่าย มีเลือดกำเดาออกอย่างอธิบายไม่ได้ในฉาก ซึ่งจะหยุดไหลเฉพาะเวลาเธอเดินออกจากโรงถ่าย และช่วงวันสุดท้ายของการถ่ายทำ เธอได้รับลูกประคำสีรุ้งเป็นของขวัญและสวมไว้ที่คอ แต่อยู่ ๆ ไม้กางเขนก็หล่นลงไปอยู่กับพื้น
ระหว่างการถ่ายทำเกรซได้ซื้อกล้องมาใหม่ เธอเอาไปถ่ายรูปในฉากกับทีมงานและทีมนักแสดง แต่ทุกครั้งที่เธอถ่ายรูปกับแอนนาเบลล์ รูปจะออกมาเป็นสีดำ และรูปที่ถ่ายกับแพทริค วิลสัน จะมีจุดดำอยู่บนไม้กางเขนที่เขาใส่เอาไว้มองไม่เห็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์


ลอร์เรน
มันคือตุ๊กตา เอ็ด มันเป็นตัวเปิดทางให้วิญญาณอื่น ๆ

Description: Add การออกแบบฉาก ~ สถานที่ต่าง ๆ ~ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย Description: Add

 “Annabelle Comes Home - แอนนาเบลล์ ตุ๊กตาผีกลับบ้านมีการถ่ายทำทั้งภายในและพื้นที่โดยรอบลอส แอนเจลิส รัฐแคลฟอร์เนีย ดาวเบอร์แมนได้ร่วมงานกับเจนนิเฟอร์ สเปนซ์ ผู้ชำนาญในจักรวาลแห่งThe Conjuring” โดยมีตากล้องไมเคิล เบอร์เจสและผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายลีอาห์ บัตเลอร์มาสร้างภาพลักษณ์และความรู้สึกแห่งยุค 1970 ขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะการทำบ้านของครอบครัววอร์เรนให้ดูเหมาะสมอย่างเต็มที่มากกว่าในภาพยนตร์ที่ผ่านมา
การถ่ายทำส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่โรงถ่าย Warner Bros. Studios Lot โรงถ่ายใน Hennessey Street และ French Street ที่ใช้ถ่ายทำฉากภายใน และ Stage 18 ที่ใช้สำหรับการถ่ายทำกรีนสกรีนกับรถ ฉากภายในบ้านสร้างขึ้นใน Stage 26 และที่ในโรงถ่ายเดียวกันนั้นสเปนซ์ได้ใช้สำหรับสร้างบ้านไร่ในเรื่อง “Annabelle: Creation” ขึ้นมา ส่วนครั้งนี้ทีมงานของเธอได้สร้าง 3 เรื่องราวขึ้นมา โดยแบ่งบ้านเป็น 3 ส่วนตามความเหมาะสมที่เธอต้องการ เรื่องราวส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายในบ้าน สเปนซ์จึงสร้างบลูปรินท์ขึ้นมาวางแผนใหม่ โดยการออกแบบช่วงแรกจะเน้นไปที่ห้องเก็บของอาถรรพ์ที่รู้จักกันดี ห้องเก็บคดีของเอ็ดและห้องโถงที่อยู่ระหว่างทั้ง 2 ที่

ตอนที่จูลี่ออกแบบผลงานให้ ‘The Conjuring’ ในช่วงแรก เธอได้พบกับบ้านที่มีห้องใต้ดินและเหมาะสำหรับการสร้างฉากนั้นขึ้นมา” สเปนซ์กล่าว แต่ในเรื่องนี้ต้องการพื้นที่กว้างอย่างเต็มที่ จึงมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเพื่อการถ่ายทำ หลายฉากเกิดขึ้นในห้องเก็บของอาถรรพ์ สเปนซ์ออกแบบได้อย่างดีเยี่ยมเพื่อสือทุกความเป็นไปได้ รายละเอียดที่สมจริงเกี่ยวกับคอนเนคติคัทและฉากต้นฉบับจากในหนัง ขณะเดียวกันก็มีการถ่ายทอดเรื่องราวใหม่ ๆ ที่แต่งขึ้นมาด้วย
 แน่นอนว่าไม่มีใครรู้หรอกพวกเราสร้างขึ้นมาใหม่กันกี่รอบ” สเปนซ์กล่าว “แต่ต้องขอบคุณที่พวกเขาถ่ายรูปเอาไว้เยอะ และมีบางส่วนที่ช่างตกแต่งของฉันสามารถดึงมาใช้งานได้จากวอร์เนอร์ เราแมตช์ข้าวของบางอย่างและสร้างบางอย่างขึ้นมาเพื่อให้ห้องนั้นมีความรู้สึกในทิศทางเดียวกัน”
โดยหลักแล้วสเปนซ์ได้รับไอเดียใหม่ ๆ มาจากฉากสำคัญที่อยู่ในเรื่อง “Annabelle: Creation” ฉะนั้นทุกห้องที่อยู่ในชั้นนั้นจะต้องเห็นห้องอื่น ๆ ซึ่งในภาคนี้จะมีภาพที่ดูไม่เด่นชัดนักผ่านกระจกที่มีการรมควันที่ใช้แบ่งแต่ละห้องแกรี่และเจมส์อยากให้บรรยากาศภายในบ้านเหมือนเขาวงกต เพื่อให้พวกเขาได้เห็นทุกมุมและได้อารมณ์แบบนั้น” เธอกล่าว “แต่ฉันก็อยากให้แกรี่ได้เห็นห้องถัดไปโดยไม่มีอะไรขวางตาด้วย นั่นคือจุดที่หน้าจอและกระจกจะพุ่งเข้ามาหา และฉันรักสีโทนอุ่นในยุคนั้นอย่างสีน้ำตาล สีส้มสว่าง สีเขียว และสีทองด้วยค่ะ ทีมงานทุกคนที่เคยผ่านยุค 70 เดินเข้าไปในบ้านแล้วจะนึกถึงบ้านหลังเก่าของพวกเขา แน่นอนว่าตอนนั้นทุกคนคิดว่ามันดูแย่ แต่ตอนนี้มันกลับดูเท่มากค่ะ!”
สเปนซ์รู้ตัวดีว่าเป็นคนใส่ใจเรื่องรายละเอียด (เธอรู้วิธีการอบคุกกี้เพื่อเพิ่มอารมณ์ของฉากห้องครัวให้มากยิ่งขึ้น) แถมสเปนซ์ยังยอมเจ็บตัวเพื่อสร้างพื้นไม้ที่ดูสมจริงจากไม้ที่มีความกว้าง 2 นิ้ว โดยไม้แต่ละชิ้นจะมีลักษณะที่ต่างกันเพื่อสร้างอารมณ์ของงานไม้ที่มีความพิถีพิถันขึ้นมา หลังจากนั้นเธอและทีมงานได้เพิ่มแผ่นไม้ขึ้นมาตรงทางเดินอีก เพื่อให้ได้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น
สเปนซ์ยังหาวอลเปเปอร์แนววินเทจได้จากการเดินทางและหาแผ่นเล็ก ๆ นำมาใช้กับภายในห้องครัว ห้องทานข้าว และห้องนอนของเอ็ดกับลอร์เรน เธอทำให้กลมกลืนกันอย่างพิถีพิถันทั้งตรงทางเดิน ห้องเก็บของอาถรรพ์ที่เห็นจากหนังภาคแรก แต่สำหรับพวกของที่แขวนตกแต่งผนังมีอย่างหนึ่งที่สเปนซ์ใส่ใจมากเป็นพิเศษ คืนก่อนที่แพทริค วิลสันจะถ่ายทำในบ้านหลังนั้น เขาเดินเข้ามาพร้อมกับดาวเบอร์แมนและสเปนซ์ โดยมีการแนะนำให้พวกเขาใช้ภาพวาดจริงของเอ็ด วอร์เรนมาตกแต่งพื้นที่ส่วนนั้นด้วย พวกเขาชอบไอเดียนั้นแต่ไม่มีเวลาหรือโอกาสที่จะไปหามา สเปนซ์จึงเตรียมของที่มีความสำคัญในคืนนั้นและวาดภาพตัวเองขึ้นมาในสไตล์ของเอ็ด เวลาผ่านไป 4 ชั่วโมงเธอสามารถสร้างบรรยากาศบ้านไร่ในเรื่อง “Annabelle: Creation” ที่เธอเคยออกแบบเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงบ่อน้ำและพวกของตกแต่งที่อยู่ตรงเตาผิงที่เสร็จในวันต่อมาอีกด้วย วิลสันรู้สึกชอบมันมาก
นอกจากฉากที่มีการถ่ายทำภายในลอส แองเจลิส รวมถึงที่ฟร็อกทาวน์ซึ่งใช้โรงเรียนประถม Dorris Place Elementary School เป็นสถานที่ถ่ายทำ St. Thomas Catholic School ของจูดี้ วอร์เรน และย่าน Woodland Hills ที่ใช้ตลาด Jim’s Fallbrook Market เป็นสถานที่ถ่ายทำ Palmeri Market ที่ทำงานของบ็อบที่แมรี่ เอลเล็นและแดเนียลลาไปซื้อของทำเค้กวันเกิดหลังเลิกเรียน สวนสาธารณะ Griffith Park ที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำจุดเกิดอุบัติเหตุของเอ็ดและลอร์เรนช่วงเริ่มเรื่อง และพื้นที่ของ Newhall ที่ใช้สำหรับถ่ายทำภายนอกบ้านของครอบครัววอร์เรนและสุสานแมรี่วิลล์ ที่เอ็ด ลอร์เรน และแอนนาเบลล์ต้องหยุดตรงที่นั่นอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
ฉากเปิดตัวในเรื่อง “Annabelle Comes Home - แอนนาเบลล์ ตุ๊กตาผีกลับบ้านมีบรรยากาศในฉากเหมือนช่วงนำเข้าสู่เรื่อง “The Conjuring” ซึ่งหนังเรื่องใหม่นี้จะมีเรื่องราวสำคัญระหว่างบทนำเรื่องและเรื่องราวที่เหลือในเรื่อง ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายลีอาห์ บัตเลอร์เองก็ไม่ได้มีหน้าที่แค่ออกแบบสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังต้องระวังเรื่องรายละเอียดที่อิงมาจากหนังภาคแรกด้วย ในความเป็นจริงแล้วนี่เป็นการร่วมงานกันครั้งที่ 8 ระหว่างบัตเลอร์และสเปนซ์ จนทั้งคู่เกิดมิตรภาพที่ดีมากขึ้นมา
 ถือเป็นเรื่องสำคัญต่อเนื้อเรื่องมากที่สีสัน รายละเอียด และทุกอย่างที่เราสร้างขึ้นมาในฉากช่วยสร้างบรรยากาศให้หนัง และเป็นการตอกย้ำจินตนาการของผู้กำกับฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งเจนกับฉันมีมุมมองที่สอดคล้องกันมากค่ะ” บัตเลอร์กล่าว “และตัวละครเหล่านี้อิงมาจากบุคคลที่มีตัวตนจริง เราต้องถ่ายทอดให้เห็นถึงการใช้ชีวิตของพวกเขาและลักษณะการแสดงตัวตนของพวกเขา”
บัตเลอร์เริ่มทำการค้นคว้าข้อมูลโดยการนัดเจอกับผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายคริสติน เอ็ม บูร์คในเรื่อง “The Conjuring” ตามมาด้วยฟาร์มิกาและวิลสัน “คริสตินเป็นคนสร้างโทนให้กับตัวละครที่เวราและแพทริครับบทค่ะ มันเลยสำคัญต่อฉันมากที่ต้องสัมผัสความรู้สึกให้ได้ว่าการออกแบบต้นฉบับมาจากไหน เพื่อให้ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้นในการทำงาน เราได้พบกับโทนสีพิเศษเยอะแยะให้ตัวละคร เป็นโทนสีธรรมชาติเยอะมาก ทั้งสีครีมและสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสีที่ได้รับความนิยมสำหรับยุคนั้น เวราชอบงานที่มีการถักทอหรือพวกงานไหมพรม เราเลยนำมาใส่ไว้ในเสื้อผ้าของเธอด้วย เราผลิตกระโปรงของเธอที่มีลวดลายอย่างที่เราอิงมาจากภาพถ่ายจริงของลอว์เรนและเอ็ดด้วย เนคไทจริงของเขาจะดูเหมือนเดิม พวกเขาดูมาเติมเต็มกันเพื่อสร้างความสมบูรณ์แบบให้แก่กัน เราพยายามถ่ายทอดรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นออกมาในหนังด้วย”
ลอร์เรน วอร์เรนตัวจริงก็ชื่นชอบพวกเพชรพลอยด้วย บัตเลอร์อธิบายว่า “มีรายละเอียดหลายอย่าง ซึ่งคุณจะได้เห็นแหวนสวย ๆ อยู่กับเวราที่มารับบทลอร์เรนด้วย”
สำหรับตัวละครหลักในเรื่องนี้ 3 คนอย่างจูดี้ แมรี่ เอลเล็น และแดเนียลลา บัตเลอร์ได้เล่าว่า “มันสนุกมากค่ะที่ได้อ่านบทและได้ร่วมงานกับผู้กำกับฯ ที่เก็บไอเดียต่าง ๆ ว่าแต่ละตัวละครควรมีความรู้สึกแบบไหน ตั้งแต่แกรี่เป็นผู้เขียนบทฯ มันช่วยได้หลายอย่างเลยค่ะ เช่น เขามีประโยคเกี่ยวกับแมรี่ อัลเล็นที่พูดเหมือนเธอออกมาจากนิตยสาร Seventeen ฉันเลยอยากถ่ายทอดเธอออกมาในลุค สาวข้างบ้าน ดูอ่อนหวานและใสซื่อบริสุทธิ์ ส่วนเพื่อนของเธอ แดเนียลลา จะมีความห้าวมากกว่า”
จากรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อยู่ในความคิด บัตเลอร์ได้เดินทางไปยังห้องสมุด Western Costume เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะหน้าตาของยุคนั้น “มันสนุกมากค่ะที่ได้ไปที่นั่นและเอานิตยสารจากยุคนั้นออกมาทุกเล่ม รวมถึงแคตตาล็อคของ Sears and Montgomery Ward เพื่อดูสไตล์และสีสันที่ได้รับความนิยมในยุคนั้น ซึ่งแน่นอนว่าฉันดูในหนังสือ Seventeen ด้วยเธอยิ้ม ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายได้จับเคที่ ซารีฟผู้มารับบทแดเนียลลาสวมกางเกงยีนและเสื้อที่มีสาย ส่วนตัวละครแมรี่ เอลเล็นของแมดิสัน ไอซ์แมนจะสวมกระโปรงสีพลัมและเสื้อสีชมพูอ่อน
บัตเลอร์เล่าว่าเธอต้องพบกับความท้าทายในเรื่องนี้เหมือนกัน มีบทภาพยนตร์ช่วง 2 วันที่เสื้อผ้าทุกชุดมีความสำคัญมาก เพราะพวกเขาต้องสวมชุดนั้นในหนังตลอดทั้งเรื่อง” ซึ่งจริง ๆ แล้วจูดี้ วอร์เรน ตัวละครของแม็คเคนน่า เกรซเปลี่ยนเสื้อผ้าเยอะมาก ตั้งแต่ชุดนักเรียนในโรงเรียนคาทอลิค ไปจนถึงเสื้อ กางเกง ชุดที่สวมตอนกลางคืน ชุดนอน “เราอยากให้จูดี้รู้สึกเหมือนเธอมีความสอดคล้องเหมือนกับเอ็ดและลอร์เรน เราเลยผสมสีสันเสื้อผ้าของพวกเขาลงไปในชุดของเธอด้วย” เธอกล่าวเสริม
เสื้อผ้าชุดหนึ่งที่มีความสำคัญและผลิตขึ้นมาจากภาพร่าง ไม่ได้ผลิตขึ้นมาเพื่อนักแสดงคนไหน แต่มีไว้ตั้งโชว์ในห้องเก็บของอาถรรพ์คือชุดเจ้าสาว “นั่นคือสิ่งที่สนุกมากในหนังพวกนี้ค่ะ” บัตเลอร์กล่าว “เราจะได้ออกแบบชุดต่าง ๆ ให้ตัวละคร แถมยังมีชุดสำหรับตัวละครที่แปลกประหลาดต่างจากคนอื่นอย่างเจ้าสาวนี้ด้วย ฉันอยากผลิตชุดที่มีความแตกต่างจากที่เราเคยเห็นในหนังเรื่องอื่น ๆ ฉันได้แรงบันดาลใจมาจากสไตล์ยุค 1930 และเอาไอเดียนั้นไปเสนอให้แกรี่ เราเจอรูปชุดแต่งงานในยุค 1970 ฉันเลยผลิตชุดขึ้นมาที่มีความรู้สึกเหมือนยุค 30 แต่มีรายละเอียดเหมือนยุค 70 ฉันคิดว่ามันควรเป็นชุดยาวที่มีแขนยาวหรือไม่ก็ไม่มีแขนเลย อาจเป็นชุดที่ได้มาจากญาติหรือชุดที่ได้มาจากร้านขายของเก่า ซึ่งไม่ว่าใครก็ตามที่ได้สวมชุดนั้นจะต้องถูกผีสิง”
ชุดเจ้าสาวเป็นชุดที่บัตเลอร์ชื่นชอบแต่นั่นไม่ใช่เพียงชุดเดียวของเธอ “การออกแบบชุดให้เฟอร์รี่แมนก็มีความน่าสนใจเหมือนกันค่ะ” เธอกล่าว “แกรี่กับฉันช่วยกันสังเกตดูว่าในอดีตเฟอร์รี่แมนมีหน้าตาแบบไหน เขาจะสวมเสื้อคลุม สวมหน้ากาก มีลักษณะที่ต่างกันไป เช่น ต้องเดินทางข้ามแม่น้ำสติกซ์ที่มีลักษณะเป็นลุ่มแม่น้ำ ในการออกแบบของฉันก็ต้องมีรอยโคลนให้เห็น ใช้สีสันโทนเข้มมาทาบนเสื้อ หน้ากากจะมีการผลิตขึ้นจากแผนกอื่น แต่เราก็สนุกกับการได้เล่นกับมัน มีการผสมขนนกบางส่วนเข้าไปในเสื้อผ้าและหมวก มันเลยได้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติและนึกถึงสัตว์ ผลลัพธ์ที่ได้ดูน่าทึ่งมากค่ะ”
และสุดท้ายสำหรับฉากที่มีศพมารวมกันมากมาย พร้อมกับเหรียญที่อยู่บนดวงตา บัตเลอร์ได้ออกแบบชุดให้ผู้ออกแบบฯ สเปนซ์ “เราคุยกันเล่น ๆ กับแกรี่จนฉันลืมไปแล้ว แต่ปรากฏว่าวันนั้นนักแสดงขาดไป 1 คน” สเปนซ์เล่าถึงวันนั้น “พวกเขาเลยโทรมาถามว่า พูดจริงหรือเปล่าที่ว่าอยากทำแบบนั้น?’ ฉันคิดว่า ทำไมถึงจะไม่ล่ะ?’ ลีอาห์เลยหาชุดมาให้ฉันค่ะ ฉันสูง 6’ 1” ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ฉันต้องจัดการทั้งเรื่องทรงผม เมคอัพ และทุกอย่าง มันก็ประหลาดดีแต่ก็สนุกมากเลยค่ะ”
 นักแต่งเพลงโจเซฟ ไบชารา มาร่วมงานในฉากที่ Stage 26 ซึ่งมีทั้งบรรยากาศภายในบ้านและห้องเก็บของอาถรรพ์ จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ใช้บรรยากาศชวนหลอนหลังเสร็จสิ้นการถ่ายทำวันนั้น ในบรรยากาศที่มีความมืดเขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศชวนหลอน และถ่ายทอดออกมาผ่านบทเพลงประกอบภาพยนตร์ โดยมีบรรยากาศที่หดหู่แต่แฝงไปด้วยความสว่างสดใสบางอย่าง รวมถึงประเด็นสำคัญของเรื่องที่เกิดขึ้นในยุค 1970 ทีมงานของดาวเบอร์แมนต้องอาศัยบทเพลงเยอะมากจากยุคนั้นเพื่อนำมาแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์
  โดยหลักแล้วเรารู้สึกภูมิใจกับหนังเล่านี้ และไม่อยากดัดแปลงสิ่งที่ทำให้หนังได้รับความนิยมมากเกินไปนัก” ดาวเบอร์แมนกล่าว “ทีมนักแสดงอย่างแพทริคและเวราในบทเอ็ดและลอร์เรน รวมถึงสถานที่แห่งนี้โดยเฉพาะห้องเก็บของอาถรรพ์ทำให้เนื้อเรื่องของเรามีความโดดเด่น การใช้เวลาในหนังเกือบทั้งเรื่องอยู่ในบ้าน เรามีโอกาสเห็นทุกอย่างแค่ช่วงก่อนเกิดเรื่องราวน่ากลัวเท่านั้น และนี่ยังเป็นการขยายเรื่องราวในตำนานที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องก่อน ๆ อีกด้วย
 ผมคิดว่าผู้ชมจะต้องตื่นเต้นไปกับการดู Annabelle Comes Home - แอนนาเบลล์ ตุ๊กตาผีกลับบ้าน เพราะทุกคนไม่มีวันเบื่อแอนนาเบลล์หรอก” เขาเล่าต่อว่า “ทุกที่ ๆ ดูเหมือนเธอถูกขังไว้อย่างแน่นหนา ทุกคนต่างรู้สึกปลอดภัย แต่พวกเขากลับเห็นเธอออกมาเพ่นพ่าน เธอไม่ได้ออกมาเล่นงานแค่คนที่อยู่ในเรื่อง แต่ยังตามไปสิงข้าวของทุกอย่างที่อยู่ในห้องเก็บของอาถรรพ์ด้วย หวังว่าในหนังจะมีทั้งความสนุกและความน่ากลัว เราสร้างลูกเล่นบางอย่างเอาไว้ด้วย ซึ่งเราอาจเอามาใช้ได้ในคราวหน้า และแน่นอนว่ายังมีพวกของผีสิงอีกบางส่วนที่มีเรื่องราวสนุก ๆ ให้เล่า…”
Description: Add




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad