ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2563 แม้ภาครัฐทยอยคลายล็อกให้กิ จกรรมเศรษฐกิจกลับมาเปิดดำเนิ นการ แต่เครื่องชี้เศรษฐกิจส่วนใหญ่ ยังอยู่ในภาวะหดตัว จากกำลังซื้อที่อ่อนแอของครั วเรือนและภาคธุรกิจ ส่งผลต่อบรรยากาศการใช้จ่ ายภายในประเทศ ขณะเดียวกัน การส่งออกและการท่องเที่ยวยั งอยู่ภายใต้แรงกดดันจากเศรษฐกิ จโลกที่ถดถอยและสถานการณ์โควิ ดในต่างประเทศที่ยังไม่ยุติ ทิศทางดังกล่าว คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิ จไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 หดตัวลงลึกสู่อัตราเลขสองหลัก
· ในช่วงครึ่งปีหลัง แนวโน้มเศรษฐกิจยังเผชิญความไม่ แน่นอนสูง จากการระบาดของไวรัสโควิ ดในบางประเทศที่ยังรุนแรง ซึ่งจะทำให้การเปิดพรมแดนระหว่ างประเทศของไทยคงเกิดขึ้นอย่ างจำกัด ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ในขณะที่ แรงฉุดจากเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และประเทศอื่นๆ ตลอดจนเงินบาทที่แข็งค่า อาจยังกดดันการส่งออกและการผลิ ตภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะหมวดสินค้าไม่จำเป็นต่ อการดำรงชีพ
· ทั้งนี้ มาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด ควบคู่กับแรงขับเคลื่ อนจากกลไกภาครัฐผ่านการอนุมัติ แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 4 แสนล้านบาท ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม จะเข้ามาช่วยประคองให้เศรษฐกิ จไทยในช่วงที่เหลือของปี ทยอยฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด อย่างไรก็ตาม การกลับสู่ภาวะปกติก่อนโควิ ดของกิจกรรมทางเศรษฐกิจคงต้ องใช้เวลา และจำเป็นต้องอาศัยการดำเนิ นนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่ อนคลายอย่างต่อเนื่อง
· ดังนั้น ที่ประชุม กกร. จึงมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อทิ ศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงข้างหน้า ขณะที่ล่าสุดทั้ง IMF และธปท. ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิ จไทยในปี 2563 ลงมาที่ -7.7% และ -8.1% ตามลำดับ ทั้งนี้ จากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่ยังมี ประเด็นท้าทายอยู่มากดังกล่าว ในการประชุมรอบนี้ กกร. จึงได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิ จไทยในปี 2563 ลงมาเป็น -8.0% ถึง -5.0% (จากเดิม -5.0% ถึง -3.0%) ขณะที่ปรับลดกรอบประมาณการการส่ งออกมาเป็น -10.0% ถึง -7.0% (จากเดิม -10.0% ถึง -5.0%) และปรับลดอัตราเงินเฟ้อทั่ วไปมาที่ -1.5% ถึง -1.0% (จากเดิม -1.5% ถึง 0.0%)
กรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2563 ของ กกร.
%YoY
|
ปี 2562
|
ปี 2563
(ณ พ.ค. 63)
|
ปี 2563
(ณ ก.ค. 63)
|
GDP
|
2.4
|
-5.0% ถึง -3.0%
|
-8.0% ถึง -5.0%
|
ส่งออก
|
-2.7
|
-10.0% ถึง -5.0%
|
-10.0% ถึง -7.0%
|
เงินเฟ้อ
|
0.7
|
-1.5% ถึง 0.0%
|
-1.5% ถึง -1.0%
|
- นอกจากการทบทวนกรอบประมาณการในปี
2563 แล้ว ที่ประชุม กกร. มีความเป็นห่วงเรื่องเงินบาทที่ แข็งค่าในอัตราที่เร็วกว่าสกุ ลเงินภูมิภาคในเดือนมิถุนายนที่ ผ่านมา และยังมีความเป็นไปได้ที่เงิ นบาทจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอี กในระยะข้างหน้า จากเงินดอลลาร์ฯที่อยู่ภายใต้ แรงกดดันจากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่ อนแอกว่าคาดและการดำเนิ นนโยบายอัดฉีด QE ของสหรัฐฯ - ทั้งนี้ กกร. กำหนดจัดงานเสวนา “ความตกลง CPTPP ประโยชน์ ผลกระทบ และประสบการณ์จากประเทศภาคี” วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 ในหัวข้อ “กระบวนการ ขั้นตอน และระยะเวลาสำหรับการเข้าร่
วมเจรจาความตกลง CPTPP ของประเทศไทย และบทบาทและทิ ศทางของประเทศไทยในเวทีการค้ าพหุภาคี” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรั บทราบข้อมูล ประสบการณ์ และแนวทางที่เป็นประโยชน์ รวมถึงมาตรการรองรั บผลกระทบจากผู้แทนประเทศภาคี CPTPP ตลอดจน กระบวนการเจรจา ขั้นตอน และแนวทางการมีส่วนร่วมของทุ กภาคส่วน - นอกจากนี้ กกร.ได้ร่วมหารือรับมอบนโยบาย จากรองนายกสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เรื่อง มาตรการให้ความช่วยเหลือด้
านการเงิน SME อย่างทั่วถึง โดยมี 1) กองทุน 50,000 ล้านบาท โดย สสว. เป็นผู้จัดตั้งกองทุน 2) การเพิ่มสัดส่วนการจัดซื้อจัดจ้ างภาครัฐในกลุ่ม SME ซึ่งทั้งกลุ่มจะเตรียมนำเสนอ ครม. ในวันอังคารที่ 7 กรกฎาคม 2563 หากผ่านความเห็นชอบจาก ครม. จะสามารถดำเนินการภายในเดือนสิ งหาคม 2563 ทั้งนี้ กกร. ขอขอบคุณรัฐบาลที่เพิ่ มมาตรการให้ความช่วยเหลือ SME ที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น