วันที่ 2 สิงหาคม 2565 : บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) (BLAND) จัดพิธีลงนามเซ็นสัญญากับ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR JV consortium) ที่ร่วมทุนกันระหว่างบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTSG), บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STEC) และบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ใน “โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี” ด้วยเม็ดเงินลงทุนจำนวน 4,000 ล้านบาท สำหรับส่วนต่อขยายจำนวน 2 สถานี ได้แก่ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (ชาเลนเจอร์อาคาร 1) และสถานีทะเลสาบ เมืองทองธานี โดยการก่อสร้างจะแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2568
นายปีเตอร์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ
บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากความร่วมมือในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี
ระหว่าง บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล
จำกัด (NBM) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งผู้โดยสารในเขตเมืองและปริมณฑลในครั้งนี้
ผมรู้สึกยินดีและภูมิใจมากที่บริษัทจะสามารถมอบประโยชน์ต่อสาธารณะโดยช่วยให้ประชาชนทั้งผู้ที่อยู่อาศัยและผู้ที่ทำงานอยู่ในเมืองทองธานีกว่า
300,000 คน
รวมทั้งผู้ที่เดินทางเข้ามาร่วมงานแสดงสินค้าและการประชุมที่มีกว่า 10 ล้านคนต่อปี จะได้รับความสะดวกสบายด้วยการได้ใช้บริการรถไฟฟ้าในการเดินทางอย่างต่อเนื่อง
พร้อมยังช่วยบรรเทาปัญหาจราจรได้อีกทางหนึ่ง ส่วนในด้านของโอกาสทางธุรกิจนั้น
โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายที่เข้ามาในเมืองทองธานีนี้
น่าจะช่วยส่งเสริมธุรกิจต่างๆ ในเมืองทองธานี เช่น ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม
อิมแพ็ค, โรงแรม, คอสโม บาซาร์,
คอสโม วอล์ค, เอาท์เล็ท สแควร์, บีไฮฟ ไลฟ์สไตล์มอลล์ และ คอสโม ออฟฟิศ
พาร์ค ให้มีการเติบโตมากขึ้นอีก 10-20% นอกจากนี้
ยังจะเพิ่มศักยภาพและเพิ่มมูลค่าที่ดินเปล่าในเมืองทองธานีที่มีอยู่อีก 600
ไร่ โดยจะมีมูลค่าเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ซึ่งเราได้วางแผนไว้ว่าจะพัฒนาให้เป็นโครงการ Mixed Use เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี
ทั้ง 2 สถานีดังกล่าว
จะเป็นเส้นทางส่วนต่อขยายเข้ามาในเมืองทองธานีจนถึงทะเลสาบเมืองทองธานีรวมเป็นระยะทางประมาณ
3 กิโลเมตร ทั้งนี้
บริษัทได้ลงทุนการก่อสร้าง Skywalk ด้วยเม็ดเงินจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อเชื่อมต่อจากโครงการฯ ไปยังศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม
อิมแพ็ค, โรงแรม, ร้านค้าปลีก
และห้างสรรพสินค้าต่างๆ
เพื่อรองรับการเติบโตและมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ที่มาใช้บริการอย่างสูงสุด
รวมทั้ง ยังเป็นการต่อยอดและเพิ่มศักยภาพของการเป็นทำเลทองสำหรับโครงการใหม่ต่างๆ
ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ อาทิ โมริ คอนโดมิเนียม
โครงการที่พักอาศัยจำนวน 1,040 ยูนิต
และโรงเรียนสอนประกอบอาหารเลอโนท (Lenôtre Culinary Arts School) ที่เป็นโรงเรียนสอนศิลปะการทำอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก”
นายปีเตอร์ กล่าว
นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหาร
บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด กล่าวว่า
“การลงนามในครั้งนี้ระหว่าง NBM
และ BLAND เป็นการลงนามในสัญญา 2 ฉบับ แบ่งเป็น
1. สัญญาให้การสนับสนุนการก่อสร้าง (Construction Support Agreement) โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู
ส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี
2. สัญญาก่อสร้างทางเชื่อม (Skywalk Connection Agreement) จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้ามายังตัวอาคารของเมืองทองธานี
โดยภายใต้สัญญาดังกล่าว ทาง BLAND
ได้อนุมัติเงินสมทบและค่าสิทธิให้กับ NBM ประมาณ 1,293.75
ล้านบาท (รวมภาษี มูลค่าเพิ่ม) เพื่อสนับสนุนการก่อสร้าง และพัฒนาส่วนต่อขยายเมืองทองธานี
และเพื่อสิทธิของ BLAND หรือบริษัทในเครือของ BLAND ในการก่อสร้างทางเชื่อมสถานี เพื่อเชื่อมต่ออาคารหรือสิ่งก่อสร้างใดๆ
อันเป็นกรรมสิทธิ์ของกลุ่ม BLAND
ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเมืองทองธานี เข้ากับสถานีรถไฟฟ้าในส่วนต่อขยายเมืองทองธานี
นับแต่วันที่ทำสัญญา
จนถึงวันที่สิทธิในการดำเนินงานระบบรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเมืองทองธานี ตามสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูระหว่าง
NBM และ รฟม.สิ้นสุดลง
และยังได้อนุมัติเงินสมทบเพื่อสนับสนุนการบำรุงรักษาจำนวน 10.35 ล้านบาทต่อปี (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) นับจากวันที่ส่วนต่อขยายเมืองทองธานีเปิดให้บริการ” นายกวิน กล่าว
“โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี
ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการในธุรกิจ MOVE ที่บีทีเอส กรุ๊ปฯ ให้ความสำคัญ
เพราะเรามุ่งหวังจะเป็นผู้ให้บริการเดินทางแบบ door-to-door เพื่อตอบโจทย์การเดินทาง
ตั้งแต่ก้าวแรกถึงก้าวสุดท้ายให้กับผู้โดยสารอย่างสมบูรณ์
ภายใต้การให้บริการที่สะดวกและปลอดภัย โดยโครงการดังกล่าว
จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูเส้นทางหลัก ช่วงแคราย-มีนบุรี
ซึ่งสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าได้อีก 4 สายได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ), รถไฟชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต), รถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี)
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาการก่อสร้างประมาณ
37 เดือน
และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ เปิดให้บริการได้ในปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่
13,785 คน/เที่ยว/วัน หากโครงการดำเนินการแล้วเสร็จ
จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรในการเดินทางเข้าพื้นที่เมืองทองธานีได้เป็นอย่างดี
เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นชุมชนขนาดใหญ่ และมีผู้เดินทางเข้า-ออกเป็นจำนวนมาก
ส่วนภาพรวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี จำนวน 30 สถานี (ไม่รวมสถานีอิมแพ็คเมืองทองธานี และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี) มีความคืบหน้าโครงการ 89.43% แบ่งเป็นงานโยธา 91.01% และงานระบบรถไฟฟ้า 87.90%
ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้บางส่วนช่วงต้นปี 2566” นายกวิน
กล่าวสรุป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น