FTI Poll ครั้งที่ 26 ภายใต้หัวข้อ “นโยบายรัฐบาลใหม่ที่ภาคอุตสาหกรรมอยากได้” - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2566

FTI Poll ครั้งที่ 26 ภายใต้หัวข้อ “นโยบายรัฐบาลใหม่ที่ภาคอุตสาหกรรมอยากได้”



 วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม 2566 นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 26 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ภายใต้หัวข้อ “นโยบายรัฐบาลใหม่ที่ภาคอุตสาหกรรมอยากได้” พบว่า จากการที่ประเทศไทยจะมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ภาคอุตสาหกรรมมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่เราจะได้รัฐบาลใหม่ และมีนโยบายใหม่ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งจากการสำรวจความเห็นของผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ คาดหวังให้รัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญกับกรอบนโยบายใน 5 เรื่อง ดังนี้

1) การแก้ไขปัญหาต้นทุนพลังงานและการสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานให้แก่ประเทศ 2) การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม 3) การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น 4) การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในภาคธุรกิจ และการส่งเสริมผู้ประกอบการ SME 5) การแก้ไขปัญหาโลกร้อน Climate change มาตรการกีดกันทางการค้า และการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งในแต่ละเรื่อง ส.อ.ท. ได้มีการสำรวจความเห็นเจาะลึกในแต่ละประเด็นนโยบายย่อย เพื่อเป็นโจทย์ให้กับพรรคการเมืองที่มีการหาเสียงอยู่ในขณะนี้ นำไปใช้เป็นกรอบในการกำหนดนโยบายการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมของประเทศในอนาคตต่อไป


จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 255 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 26 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้
1.  รัฐบาลใหม่ควรให้ความสำคัญกับนโยบายในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมเรื่องใด (Multiple choices)
     อันดับที่ 1 : การแก้ไขปัญหาต้นทุนพลังงาน และการสร้างเสถียรภาพ        81.6%
                      ด้านพลังงานให้แก่ประเทศ
     อันดับที่ 2 : การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม   77.3%
     อันดับที่ 3 : การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น     70.6%
     อันดับที่ 4 : การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในภาคธุรกิจ และการส่งเสริมผู้ประกอบการ SME  52.5%
     อันดับที่ 5 : การแก้ไขปัญหาโลกร้อน Climate change มาตรการกีดกันทางการค้า    47.8%
                       และการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม

2.  นโยบายใดช่วยแก้ไขปัญหาต้นทุนพลังงาน และการสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานให้แก่ประเทศ  (Multiple choices)
     อันดับที่ 1 : เร่งเปิดเสรีพลังงานทางเลือก ส่งเสริมการลงทุนผลิตไฟฟ้า     72.9%
                       จากพลังงานหมุนเวียนใช้เองภายในโรงงาน
     อันดับที่ 2 : ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน เช่น ค่าไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ     71.8%
                     ให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย      
     อันดับที่ 3 : แก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบจากนโยบายด้านพลังงานให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย   66.7%
                     ทั้งประชาชน ผู้ประกอบการภาคผลิตและบริการ รวมถึงผู้ลงทุน
     อันดับที่ 4 : เร่งเปิดให้เอกชนสามารถใช้ระบบส่ง/จำหน่ายไฟฟ้า (Third Party Access)     54.5%
                     เพื่อนำไปสู่ Net Metering

3.  นโยบายใดช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม  (Multiple choices)
     อันดับที่ 1 : ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาและนำเทคโนโลยี      71.4%
                     และนวัตกรรมมาใช้ในการผลิต
     อันดับที่ 2 : การส่งเสริมการลงทุนทั้งในอุตสาหกรรมเดิมและอุตสาหกรรมเป้าหมาย    60.0%
                     S-Curve ในประเทศ เช่น การปรับปรุงสิทธิประโยชน์ทั้งภาษีและไม่ใช่ภาษี,
                     การอำนวยความสะดวก, การสนับสนุนด้านการเงิน เป็นต้น
     อันดับที่ 3 : ยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงาน Upskill & Reskill      56.9%
                     และพัฒนาระบบการศึกษาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการกำลังคนภาคธุรกิจ   
     อันดับที่ 4 : ส่งเสริมแนวคิด BCG Model เพื่อสร้างมูลค่าให้กับภาคการเกษตร 55.3% 
                     ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม

4.  นโยบายใดช่วยแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น (Multiple choices)
     อันดับที่ 1 : เพิ่มบทลงโทษคนกระทำผิด และปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม   72.5%
                     ให้มุ่งอำนวยความยุติธรรมโดยให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วเป็นสำคัญ
     อันดับที่ 2 : ปรับรูปแบบจากระบบการขออนุมัติอนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐ 62.4%
                     มาเป็นการรายงานผลการปฏิบัติตามกฎหมาย (Self- Declaration)
                     และตรวจติดตามผล
     อันดับที่ 3 : ขยายผลการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ในการจัดซื้อจัดจ้าง      53.3%
                     ทุกระดับ เพื่อเปิดให้เอกชนมีส่วนร่วมเข้าไปสังเกตการณ์และตรวจสอบ      
     อันดับที่ 4 : มีรางวัลนำจับให้แก่ผู้ที่แจ้งเบาะแสการทุจริตคอรัปชั่น   50.2%
                      เพื่อสร้างแนวร่วมในการป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น

5.  นโยบายใดช่วยแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในภาคธุรกิจ และการส่งเสริมผู้ประกอบการ SME  (Multiple choices)
     อันดับที่ 1 : สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับ SME และมาตรการช่วยเหลือต่างๆ      66.7%
     อันดับที่ 2 : ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ         65.9%
     อันดับที่ 3 : เพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนให้แก่ SME ทั้งมาตรการทางภาษี            62.4%
                      และมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี รวมทั้ง การบริการครบวงจร  
     อันดับที่ 4 : สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมผ่านธุรกิจ Startup           52.5%
                     และสนับสนุนให้เกิด Technology transfer แก่ผู้ประกอบการ SME

6.  นโยบายใดช่วยรับมือกับปัญหาโลกร้อน Climate change มาตรการกีดกันทางการค้าและการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม  (Multiple choices)
     อันดับที่ 1 : ส่งเสริมอุตสาหกรรมตามนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)  73.3%
                     เพื่อนำของเสียกลับมาสร้างมูลค่าเพิ่มใหม่
     อันดับที่ 2 : สนับสนุนให้ปรับเปลี่ยนพลังงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก       66.3%
                     เช่น โซลาร์ฟาร์ม โซลาร์รูฟท็อป
     อันดับที่ 3 : เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมโรงงานให้มีการปรับปรุงการผลิต           65.1%
                     และเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก    
     อันดับที่ 4 : ส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งผู้ใช้และผู้ผลิต         59.2%
                     (Eco product, Green label)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad