บิ๊กบอส “ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” เดินสายโรดโชว์สิงคโปร์-ญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 22-24 พ.ค.นี้ ร่วมกับ “ดอยซ์แบงก์” และ “บล.ธนชาต” อวดศักยภาพผู้นำตลาดสินเชื่ อทะเบียนรถจักรยานยนต์ และนาโนไฟแนนซ์ ของเมืองไทย ให้บรรดานักลงทุนสถาบัน-กองทุ นชั้นนำได้ประจักษ์ ลั่น 1-2 ปีข้างหน้า กำไรออลไทม์ไฮต่อเนื่อง
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า ทีมผู้บริหารของบริษัทฯเตรี ยมเดินทางไปร่วมงาน dbAccess Asia Conference ที่ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 จัดโดย Deutsche Bankโดยมีกองทุนเข้าร่วมประมาณ 20 กองทุน และหลังจากนั้นเตรียมบินตรงไปร่ วมงาน Thanachart Securities - Daiwa Thai Corporate Day ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 จัดโดยบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต ร่วมกับ Daiwa Asset Management โดยมีกองทุนเข้าร่วมประมาณ 10 กองทุน
“การไปร่วมงานโรดโชว์ที่ ประเทศสิงคโปร์ และญี่ปุ่น ในครั้งนี้ MTC พร้อมอัพเดทข้อมูลให้นักลงทุ นสถาบันและกองทุนชั้นนำได้เห็ นพัฒนาการของบริษัทฯ ซึ่งมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นพอร์ตสินเชื่อ รายได้ และกำไร ที่เติบโตต่อเนื่อง สร้างสถิติสูงสุดใหม่มาโดยตลอด นับตั้งแต่เข้าจดทะเบี ยนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงปลายปี 2557 และคาดว่าในปีนี้ รายได้และกำไรจะเติบโตกว่า 35% จากยอดปล่อยกู้ที่เพิ่มสูงขึ้ นตามการขยายตัวของสาขา ที่คาดว่าปีนี้จะเพิ่มเป็น 3,900 สาขา ก่อนขยับเป็น 4,500 สาขา ในปี 2563 ผลักดันรายได้และกำไรนิวไฮต่ อเนื่อง ตามแผนการดำเนินในช่วง 3 ปีที่บริษัทฯได้วางเอาไว้”
นอกจากนี้ MTC ยังถือโอกาสอัพเดทข้อมูลอันดั บเครดิตเรตติ้งใหม่ ที่ทริสเรทติ้ง ได้ปรับอันดับเครดิตองค์กรและหุ้ นกู้ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบั นของบริษัทฯเป็นระดับ BBB+/Stable จากเดิมอยู่ในระดับ BBB ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำสถานะองค์ กรว่ามีความแข็งแกร่ง มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 มีกำไรสุทธิ 1,005.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.60% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมี กำไรสุทธิ 833.63 ล้านบาท และมีสาขา 3,444 สาขา (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562) ซึ่งการปรับเพิ่มเรตติ้งในครั้ งนี้ จะช่วยลดต้นทุนการกู้ของ MTC ได้กว่า 0.30%
ขณะเดียวกันบริษัทฯยังมีการบริ หารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิ ทธิภาพ เห็นได้จากคุณภาพหนี้ หรือ อัตราส่วนหนี้เสียสำหรับไตรมาส 1/62 อยู่ที่ 1.04% จาก 1.29% สำหรับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 1.12% สำหรับสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 เนื่องจากการติดตามหนี้ และการควบคุมกระบวนการปล่อยสิ นเชื่อ และอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่ วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำ เพียง 2.9 เท่า ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึ งความแข็งแกร่งทางการเงินของบริ ษัทฯได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น