กรุงเทพฯ ประเทศไทย – ช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษหรือที่หลายคนคุ้นหูกับคำว่า
PM 2.5 โดยเฉพาะคนเมืองอย่างเราๆ จนทำให้หลายคนมีอาการไอ จาม คัดจมูก
น้ำมูก น้ำตาไหล เป็นจำนวนมาก ผู้คนจึงหันมาหาวิธีป้องกัน ไม่ว่าจะเป็น การสวมหน้ากากอนามัย
หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง
พยายามอยู่ในบ้านหรือตึกที่ทำงาน แต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้หลุดพ้นอันตรายจากฝุ่นละอองเล็ก
ๆ อันแสนร้ายกาจนี้ได้
PM
2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน
มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ทั้งไอเสียดีเซลจากท่อรถยนต์
การใช้ไฟฟ้า การก่อสร้างและโรงงานอุตสาหกรรม และการเผาขยะ เนื่องจาก PM 2.5 มีขนาดเล็กมาก หากหายใจเข้าไปจะผ่านเข้าสู่ปอดและหลอดเลือด
เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคทางเดินหายใจได้
สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบด้านสุขภาพมากที่สุด คือ
เด็กและผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และผู้ป่วย โดยวิธีป้องกัน PM 2.5 มีหลายวิธี ได้แก่ การสวมหน้ากาก N95 หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง
หลีกเลี่ยงการเปิดประตูหน้าต่าง และเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพ
สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้
ดร. เชียง เหวิน ชิน ประธานสมาคมโรคหืดและโรคภูมิแพ้ กล่าวว่า “การสัมผัสกับอนุภาคหมอกควันของฝุ่นละออง
PM 2.5 สามารถส่งผลกระทบต่อหัวใจและปอด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจหรือปอดเรื้อรัง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ
รวมทั้งผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ ซึ่งหากได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ไม่ดี อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นสำหรับผู้ที่เป็นโรคหอบหืดได้
ซึ่งอนุภาคหมอกควันของฝุ่นละออง PM 2.5 นี้ แตกต่างจากฝุ่นและสิ่งสกปรกโดยทั่วไป ไม่สามารถกำจัดได้โดยการทำความสะอาดตามปกติ
จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรจะต้องระมัดระวังและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เพื่อปกป้องดูแลสุขภาพของทุกคนในครอบครัว”
ด้านนางสาวสิริวรรณ นิจกิจจาทร
ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจ Personal Health บริษัท ฟิลิปส์
(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถควบคุมมลภาวะ
และฝุ่นพิษภายนอกได้ แต่เราสามารถควบคุมคุณภาพอากาศภายในบ้านของเราได้ โดยหลายๆ
คนคงจะเห็นว่าเครื่องฟอกอากาศเป็นตัวช่วยสำคัญที่คนมองหา
และหลายคนอาจจะสงสัยว่าเราควรเลือกซื้ออย่างไร วันนี้ ฟิลิปส์ ประเทศไทย ตระหนักถึงความสำคัญของการแชร์ความรู้ให้ผู้บริโภคในการดูแลคุณภาพอากาศภายในบ้าน
จึงขอแบ่งปันเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกเครื่องฟอกอากาศภายในบ้านที่เหมาะสม
เพื่อปกป้องคุณและทุกคนในครอบครัวให้มีสุขภาพที่แข็งแรงค่ะ”
1.สำหรับผู้ที่มีอาการภูมิแพ้เรื้อรัง โรคทางเดินหายใจหรือโรคหัวใจ
ลองเลือกเครื่องฟอกอากาศที่สามารถขจัดอนุภาคระดับนาโน
ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าความกว้างของเส้นผมถึง 2,500 เท่า รวมทั้งสารก่อภูมิแพ้ทั่วไปในอากาศที่พบได้จากกิจกรรมต่าง
ๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำอาหารหรือทำความสะอาด หรือแบคทีเรียและไวรัส
เพื่อปกป้องตัวคุณและครอบครัวของคุณจากโรคภัย ตั้งแต่หวัดธรรมดาจนถึงไข้หวัดใหญ่
2.สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
เลือกเครื่องฟอกอากาศที่สามารถกำจัดสารที่เป็นอันตรายในอากาศที่มีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์และพัฒนาการของทารกในครรภ์
อย่าง คาร์บอนมอนออกไซด์ ไอระเหยจากสีทาบ้านหรือน้ำยาทำความสะอาด ฝุ่นละออง และโอโซนที่มีอยู่ในอากาศรอบ
ๆ ตัวบ้าน
3. สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่
เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองแบบ HEPA ที่ออกแบบพิเศษมาเพื่อกำจัดควันและมลพิษจากยาสูบโดยเฉพาะ
โดยตัวกรอง Integrated active carbon filter ยังสามารถช่วยกำจัดกลิ่นและก๊าซที่เป็นอันตรายได้อีกด้วย
4.สำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงน่ารัก
เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์
(Clean Air
Delivery Rate: CADR) สูง สามารถวัดปริมาณอากาศบริสุทธิ์ที่ผลิตโดยเครื่องฟอกอากาศต่อนาทีได้
โดย CADR ที่สูงจะช่วยให้กรองสิ่งปนเปื้อนในอากาศอย่าง ก๊าซ
ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ ควัน และขนสัตว์ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
และนอกจากคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว
การเลือกเครื่องฟอกอากาศยังจำเป็นต้องคำนึงถึงขนาดห้อง
และขนาดเครื่องฟอกที่เหมาะสมกันด้วย จะเห็นได้ว่าการเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมจะช่วยให้ประสิทธิภาพการฟอกอากาศนั้นดียิ่งขึ้น
ฟิลิปส์ ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพ
เราพร้อมนำเสนอนวัตกรรม เครื่องฟอกอากาศ ที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กกว่า PM 2.5 ถึง 800 เท่า ด้วยแผ่นกรอง NanoProtect®
HEPA ประสิทธิภาพสูง ลิขสิทธิ์เฉพาะของฟิลิปส์
·
กำจัดอนุภาคขนาดเล็ก 0.003 ไมครอน ( PM0.003 หรือ 3 นาโนเมตร) ได้ถึง 99.97% ซึ่งเล็กกว่า PM2.5
ถึง 800 เท่า*[1]
โดยเรามีหลากหลายรุ่นให้เลือก
-
เครื่องฟอกอากาศ รุ่นเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่น
Philips Series
3000i AC3259
/ 20 จะตรวจจับและฟอกอากาศโดยอัตโนมัติ
ด้วยเทคโนโลยีเซนเซอร์ AeraSense และมีการเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่น
Air Matter เพื่อที่คุณจะสามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศได้จากทุกที่
ทุกเวลา และตรวจสอบคุณภาพอากาศได้แบบเรียลไทม์ มาพร้อมอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR) สูงถึงระดับ 393 m3/ชม.
เพื่อการขจัดอนุภาค สารก่อภูมิแพ้ และไวรัสได้อย่างดีเยี่ยม
-
เครื่องฟอกอากาศ Philips Series
2000 AC2887 / 20 มีเซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศเทคโนโลยี
AeraSense ประสิทธิภาพสูง พร้อมแสดงปริมาณอนุภาคฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM 2.5)เป็นตัวเลขแบบเรียลไทม์ เครื่องจะปรับการทำงานอัตโนมัติเพื่อกำจัดฝุ่นละอองให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
-
เครื่องฟอกอากาศ Philips Series
1000 AC1215 / 20 โหมด NightSense เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในห้องนอนโดยเฉพาะ มั่นใจได้กับการตรวจวัดคุณภาพและฟอกอากาศอย่างต่อเนื่อง
เครื่องทำงานเงียบเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้คุณและครอบครัวนอนหลับได้ดีขึ้น
สร้างอากาศภายในบ้านที่สะอาดบริสุทธิ์ เพื่อทุกคนในครอบครัวมีสุขภาพที่แข็งแรง
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และข้อมูลดี ๆ ได้ที่เว็บไซต์ www.philips.co.th หรือที่เฟซบุ๊ก
www.facebook.com/philipsthailand
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น