2 กรกฎาคม 2476 จากอดีตกาล ... สู่ปัจจุบันสมัย 2 กรกฎาคม 2562 วันครบรอบ ๘๖ ปี โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง “โรงมหรสพหลวงพระราชทานแห่งแรกของประเทศไทย” - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

2 กรกฎาคม 2476 จากอดีตกาล ... สู่ปัจจุบันสมัย 2 กรกฎาคม 2562 วันครบรอบ ๘๖ ปี โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง “โรงมหรสพหลวงพระราชทานแห่งแรกของประเทศไทย”


      
ยืนหยัดอย่างสง่างามผ่านวันเวลาหลายยุคหลายสมัย อยู่คู่กับกรุงเทพมหานครมายาวนานถึง 86 ปี                 “ศาลาเฉลิมกรุง” โรงมหรสพหลวงแห่งแรกของประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7                ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 9 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงมหรสพที่ทันสมัยและ          ใหญ่ที่สุดของเอเชียในยุคสมัยนั้น และพระราชทานนาม ศาลาเฉลิมกรุง เพื่อเป็นเกียรติแก่หม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร ผู้ออกแบบและเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการเฉลิมฉลองกรุงเทพมหานคร 150 ปี  เปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2476 รองรับผู้คนด้วยบทบาทอันหนักแน่นมั่นคง เป็นสถานที่ให้ความบันเทิงครบทุกรูปแบบทั้งภาพยนตร์ โขน ละคร            และดนตรีมาอย่างต่อเนื่อง
    
ณ วันนี้ 86 ปี โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุงยืนหยัดอย่างสง่างาม เป็นโรงละครที่นำเสนอการแสดงคุณภาพมากมาย ด้วยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการแสดงโขนสำหรับนักท่องเที่ยว และจัดการแสดงหลากหลาย โดยยึดมั่นในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย และทำนุบำรุงศาลาเฉลิมกรุงไว้ให้เป็นโรงมหรสพพระราชทานสมดังพระราชประสงค์สืบไป ด้วยความผูกพันกับหลายสิ่งหลายอย่างจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ศาลาเฉลิมกรุงจึงเป็นเสมือนบันทึกในหน้าตำนานแห่งประวัติศาสตร์และสังคมไทยของกรุงเทพมหานคร


             
ในโอกาสครบรอบการดำเนินการ 86 ปี โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง และครบรอบ 14 ปี การก่อตั้งมูลนิธิศาลาเฉลิมกรุง ในวันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2562 นี้ ศาลาเฉลิมกรุงกำหนดจัดพิธีทางศาสนา เริ่มด้วย เวลา 07.00 น. พิธีสงฆ์ ณ เวทีศาลาเฉลิมกรุง ต่อด้วยเวลา 09.09 น. พิธีบวงสรวง ณ บริเวณด้านหน้าศาลาเฉลิมกรุง โดยได้รับเกียรติจาก พลอากาศโท ภักดี แสง-ชูโต ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว              เป็นประธานจุดธูปเทียนในพิธีบวงสรวง ชมความวิจิตรงดงามของนาฏศิลป์ไทยจากนักแสดงโขนศาลาเฉลิมกรุง                ในการแสดง “รำบวงสรวง” ชุดนาฏยครอบครัวโขนอำนวยพร 

เป็นการรวมตัวของตัวละครเอกแต่ละฝ่ายในการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ได้แก่ พระราม พระลักษมณ์ นางสีดา ทศกัณฐ์ นางมณโฑ หนุมานโล้น หนุมานทรงเครื่อง นางสุพรรณมัจฉา และนางสุวรรณกันยุมา มาร่วมรำบวงสรวงเพื่ออำนวยอวยพรให้โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง และผู้ที่มาร่วมในโอกาสสำคัญนี้ ให้มีแต่ความเจริญรุ่งโรจน์เป็นสวัสดิมงคลสืบไป

            
ต่อจากนั้น เวลา 10.30 น. เชิญเข้าสู่โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง เริ่มด้วยพิธีมอบทุนช่วยเหลือ                      ค่ารักษาพยาบาลแก่ศิลปินและนักแสดง มูลนิธิสวัสดิการนักแสดง ประจำปี 2562 จำนวน 10 ทุน มีศิลปินและนักแสดงที่ได้รับทุนประจำปี ได้แก่ คุณชาลี อินทรวิจิตร (ศิลปินแห่งชาติ), คุณมารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา(ศิลปินแห่งชาติ),            คุณพิศมัย ภักดีวิจิตร, คุณอรสา อิศรางกูร ณ อยุธยา, คุณน้ำเงิน บุญหนัก, คุณพิศมัย ภักดีวิจิตร, คุณกานดา                นามแย้มแป้น, คุณนภาพร หงสกุล, คุณไพโรจน์ ใจสิงห์, คุณสมสุข ประณต และคุณอุดม กุลเมธพนธ์ และเชิญชมศิลปะการแสดงประจำชาติของไทย พบกับการแสดงโขนศาลาเฉลิมกรุง ชุด “สถลมารคเฉลิมราชจักรี” กำกับการแสดงโดย ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์(ศิลปินแห่งชาติ) แสดงโดย นักแสดงโขนศาลาเฉลิมกรุง บรรเลงดนตรีไทยโดย วงโรหิตาจล การแสดงโขนศาลาเฉลิมกรุง ชุดสถลมารคเฉลิมราชจักรี จับตอนเริ่มจาก พระรามคิดจะยกกองทัพข้ามมหาสมุทรไปทำสงครามกับทศกัณฐ์ยังกรุงลงกาจึงบัญชาให้หนุมานและ นิลพัทนำไพร่พลไป ขนก้อนหินมาทิ้งในมหาสมุทรเพื่อทำถนน           แต่นิลพัทกับหนุมานเกิดวิวาทกัน จนพระลักษมณ์ต้องมาระงับเหตุพาไปเฝ้าพระรามให้พิพากษา พระรามลงโทษให้นิลพัทกลับไปดูแลเมืองขีดขินและเมืองชมพูมีหน้าที่ส่งเสบียงเลี้ยงกองทัพส่วนหนุมานให้ไปจองถนนให้เสร็จในเจ็ดวัน  ฝ่ายทศกัณฐ์รู้ข่าวจึงสั่งให้นางสุพรรณมัจฉาซึ่งเป็นธิดา พาฝูงบริวารปลาไปคาบก้อนหินไปทิ้งที่อื่นแต่ถูกหนุมานจับได้และตกเป็นชายา ยอมเอาก้อนหินมาคืนจนถนนสำเร็จ พระรามจึงยกกองทัพข้ามไปสู่เกาะลงกา สำหรับการแสดงโขนศาลาเฉลิมกรุง             

ชุด “สถลมารคเฉลิมราชจักรี” เปิดให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมเฉลิมฉลอง 86 ปี โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง       เข้าชมการแสดงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ติดต่อรับบัตรล่วงหน้าก่อนวันแสดงที่ศาลาเฉลิมกรุง โดยเชิญชวนแต่งกายชุดไทยหรือชุดผ้าไทยโทนสีเหลืองเข้าร่วมงาน สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2224-4499

      
นอกจากนี้ อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญ ที่จัดขึ้นในโอกาสเฉลิมฉลอง 86 ปี โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง          คือการร่วมส่งเสริมและเผยแพร่ศิลปะการแสดงลิเก โดยนำคณะลิเกดาวรุ่ง กุ้ง สุธิราช & วิรดา วงศ์เทวัญ ซึ่งยกสมาชิกลิเกแห่งครอบครัววงศ์เทวัญครบทีมมาร่วมแสดงเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษครั้งนี้ พร้อมนำทีมพระเอก นางเอกลิเกดาวรุ่ง             มากฝีมือที่มาพร้อมกับความสดใส ถ่ายทอดเรื่องราวความบันเทิงครบทุกอรรถรสจากเทพนิยาย เรื่อง “อาญาสวรรค์ แสดงโดยลิเกไทยเนื้อแท้ คณะกุ้ง  สุธิราช - วิรดา วงศ์เทวัญ ในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2562 รอบ 14.00 น.            ณ โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง

        
กุ้ง สุธิราช - วิรดา วงศ์เทวัญ เปิดใจ ด้วยความรู้สึกยินดีและปลาบปลื้มที่ได้มีโอกาสนำลิเกจากครอบครัววงศ์เทวัญมาร่วมแสดงในโอกาสสำคัญเฉลิมฉลองครบรอบ 86 ปี โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง นับเป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นเวทีมาแสดงศิลปะการแสดงลิเกไทยเนื้อแท้ ณ เวทีศาลาเฉลิมกรุงอันทรงเกียรติแห่งนี้ โดยเลือกสรรเทพนิยายเรื่อง “อาญาสวรรค์” ที่มีเรื่องราวสนุกสนาน สามารถนำมาแสดงแบบลิเกให้ผู้ชมได้สมผัสเสน่ห์ของลิเกไทยได้ครบทุกอรรถรส พร้อมนำทีมศิลปินลิเกชื่อดังจากครอบครัววงศ์เทวัญ  ฝ่ายพระเอก - ประสิทธิ์,  วิชาญ หลานสมชาย,  สุชาติ,  ตั้ม กิตติโชติ,  ปู พรรัก, เพชรน้อย, ไอซ์ อนันต์, เอ รักแท้, ที ธีรวัฒน์ สุขสว่าง ฝ่ายนางเอก - เมษา, ปรัชญาวลี, มะพร้าว            วราภรณ์ พร้อมด้วยดาวยั่ว แป้ง ศิลปกร และดาวร้าย อาร์ท เซอร์ไพรซ์ - เค อโนชา  สนุกสนานไปกับดาวตลกลิเกจากคณะวงศ์เทวัญ : ลูกก๊อฟ ชวนชม - ลูกมิ้น ชวนชม - กิมบ๊วย และส้มแป้น เชิญพบกับเสน่ห์ของลิเกไทยเนื้อแท้ จากพระเอกนางเอกขวัญใจคอลิเกและคอเพลงลูกทุ่ง เต็มอิ่มกับเรื่องราวของเทพนิยายเรื่อง อาญาสวรรค์ บัตรราคา 1,000 บาท ทุกที่นั่ง จำหน่ายบัตรที่ศาลาเฉลิมกรุง โทร 0-2225-8757-8, 0-2623-8148-9 และไทยทิคเก็ตเมเจอร์ โทร. 0-2262-3456 www.thaiticketmajor.com


       อาญาสวรรค์ เรื่องราวของเทพนิยาย ที่มีเนื้อเรื่องสนุกสนาน ว่าด้วยเรื่องราวของสำนักเล่าเรียนวิชาอาคมแห่งหนึ่ง มีศิษย์ในสำนักที่เป็นเพื่อนกันมีนามว่า ขวัญชัยและขวัญเมือง ขวัญชัยเป็นราชบุตร ทั้งสองร่ำเรียนวิชาอาคม สามารถแปลงกายได้ วันหนึ่งได้ลาจากสำนักเพื่อกลับบ้านเมือง แล้วเดินทางผ่านเมืองหนึ่งซึ่งพระราชธิดาของเมืองนั้น            นามว่าพัชรา ซึ่งหมดสติเนื่องจากโดนงูพิษกัด ทั้งสองจึงรับอาสาไปช่วยเหลือ ขวัญชัยสามารถรักษาหาย พระราชาจึง            มอบพระธิดาให้ ระหว่างเดินทางกลับเมืองของตน พระธิดาได้เจอม้าป่าตัวหนึ่ง จึงวิ่งตามม้าป่าหายไป ขวัญเมืองหลงรัก              พัชราจึงออกอุบายให้ขวัญชัยแปลงกายเป็นม้าทอง เพื่อไปนำพระธิดากลับมา ซึ่งขวัญเมืองทรยศ ทำให้ขวัญชัยไม่สามารถกลับกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ แล้วตนเองก็แปลงกายเป็นขวัญใจเสียเอง ขวัญชัยในร่างของม้าทอง เตลิดเข้าป่าไปพบกับนายพรานจับได้ ม้าทองได้พบกับเจียมจันทร์ลูกสาวนายพรานก็เกิดหลังรัก อยู่มาวันหนึ่งเป็นวันพระ 15 ค่ำ ขวัญชัยกับกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ช่วงเวลาหนึ่ง จึงได้เสียกับเจียมจันทร์จนตั้งท้อง ขวัญชัยกลับกลายเป็นม้าทองดังเดิม นายพรานจับได้ว่าเจียมจันทร์ตั้งท้องโดยที่ไม่มีพ่อ จึงขับไล่ออกจากบ้าน พร้อมทั้งปล่อยม้าทองไป ทางด้านขวัญเมืองในร่างของขวัญชัยนำพาพัชราไปยังเมืองของขวัญชัยและเตรียมจัดงานอภิเษกสมรส ม้าทองได้ทราบข่าวจึงเข้าไปขัดขวางงานแต่งงาน แต่ถูกขวัญเมืองทำร้ายจึงหนีเข้าป่าไปเจอขันน้ำมนต์ จึงใช้รดร่างแล้วกลับกลายเป็นมนุษย์ เดินทางออกตามหาเจียมจันทร์ ทางด้านเจียมจันทร์คลอดลูกระหว่างทาง แต่ลูกที่เกิดมาอยู่ในคราบของม้า เจียมจันทร์เสียใจมากกลายเป็นบ้า ขวัญชัยตามมาจนเจอกับเจียมจันทร์จึงได้พากันไปรักษาตัว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad