XSpring AM คงเป้าหมายเพิ่ม AUM ปีนี้แตะ 15,000 ลบ. ประเมินหุ้นไทยยังเติบโตจากกลุ่มท่องเที่ยวมองหุ้นพลังงานดาวน์ไซด์ต่ำ แนะนำเป็นโอกาสเก็บกองทุนหุ้นไทยขนาดกลาง-เล็กอย่างน้อย 20% ของพอร์ต - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

XSpring AM คงเป้าหมายเพิ่ม AUM ปีนี้แตะ 15,000 ลบ. ประเมินหุ้นไทยยังเติบโตจากกลุ่มท่องเที่ยวมองหุ้นพลังงานดาวน์ไซด์ต่ำ แนะนำเป็นโอกาสเก็บกองทุนหุ้นไทยขนาดกลาง-เล็กอย่างน้อย 20% ของพอร์ต

 




·      บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด ตั้งเป้า ออกกองทุนใหม่ตามแผน ครึ่งปีแรก 2-3 กองทุน หนุน AUM แตะ 15,000 ล้านบาท

·      มองหุ้นไทยยังน่าสนใจแม้ระยะสั้นปรับฐาน แต่ประเมินทั้งปีมีโอกาสแตะ 1,700 จุด เหตุหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวยังสดใส รับตัวเลขนักท่องเที่ยวไหลกลับจากต้นปีเกือบแตะ 10 ล้านราย และเป็นกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ส่วนหุ้นพลังงานมองโอกาสลดลงน้อยแล้ว เหตุตลาดประเมินครึ่งปีหลังความต้องการใช้น้ำมันพุ่ง

·      แนะนักลงทุนถือโอกาสชอปกองทุนหุ้นไทยขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวได้ดี ในสัดส่วนอย่างน้อย 20% ของพอร์ตลงทุนหุ้นไทย พร้อมมองหุ้นจีน หุ้นเวียดนามเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

 

นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ XSpring AM เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) เติบโตมากกว่า 10% หรือเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 12,000 – 15,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2565 ที่มีอยู่ 9,300 ล้านบาท เนื่องจากยังคงเดินตามแผนการออกกองทุนใหม่ 2-3 กองทุนภายในครึ่งปีแรก แม้ว่าในระยะนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลงหลังเลือกตั้ง นำโดยหุ้นกลุ่ม
ทุนขนาดใหญ่ เช่น หุ้นโรงไฟฟ้า และหุ้นสื่อสาร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากมองภาพรวมหุ้นไทยถือว่าปรับลดลงมาค่อนข้างมากแล้ว และประเมินว่ามีโอกาสปรับลดลงได้อีกไม่ถึง 
10% ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ XSpring AM จะออกกองทุนใหม่ตามแผนที่วางไว้

 

ทั้งนี้ มองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะยังสามารถไปสู่ระดับ 1,700 จุดได้ โดยหุ้นกลุ่มที่จะมาขับเคลื่อนตลาดได้แก่ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และภาคบริการที่ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น อีกทั้งเป็นกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้ภาคการท่องเที่ยวของไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 15 พ.ค. 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยทุกช่องทางรวมแล้ว 9.47 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวแล้วกว่า 3.91 แสนล้านบาท ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักยังคงมาจากประเทศในเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และอาเซียน นอกจากนี้ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ยังระบุว่าตั้งแต่ ต.ค. 2565 - เม.ย. 2566 มีเที่ยวบินจากจีนเข้ามาไทยแล้ว 12,805 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมาจากที่จีนมีนโยบายให้บริษัททัวร์นำนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ออกนอกประทศได้ตั้งแต่ ก.พ. 2566

        

“มองว่านักลงทุนควรใช้โอกาสนี้ทยอยสะสมการลงทุนในกองทุนหุ้นไทยขนาดกลางเล็กที่ทำผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากดัชนีในระยะยาวได้ดี นักลงทุนสามารถจัดสรรเงินลงทุนอย่างน้อย 20% ของส่วนที่สามารถลงทุนในหุ้นมาลงทุนในกองทุนหุ้นไทยขนาดกลางเล็กได้ นอกจากนั้นอาจพิจารณาลงทุนหุ้นในภูมิภาคที่การประเมินมูลค่ามีความน่าสนใจเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาวที่ดี และใช้วิธีการแบ่งสะสมการลงทุนออกเป็นหลายๆ ครั้ง เช่น เพิ่มการลงทุนในกองทุนหุ้นจีนและหุ้นเวียดนาม อย่างน้อย ประเภทละ 20% ของสัดส่วนกองทุนหุ้นที่นักลงทุนสามารถลงทุนได้ และนอกนั้นอาจพิจารณาลงทุนกองทุนหุ้นทั่วโลกที่ทำผลตอบแทนคาดหวังได้สม่ำเสมอในระยะยาว เป็นต้น” นายยศกร กล่าว

 

อย่างไรก็ดี สำหรับหุ้นพลังงานนั้นมองว่าโอกาสปรับลดลงก็น้อยมากแล้วเช่นกัน อ้างอิงข้อมูลจาก EIA สำนักงานข้อมูลด้านการพลังงาน ประจำเดือนพฤษภาคม 2566 ระบุว่าแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 มีโอกาสสูงกว่าปริมาณของการผลิตน้ำมันในตลาดโลก เพราะฉะนั้นหากไม่มีเหตุพลิกล็อกรุนแรงทางเศรษฐกิจจนทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงทั้งโลก มองว่าค่อนข้างยากที่ราคาน้ำมันจะลงอย่างรุนแรงจากจุดนี้ จึงทำให้ดาวน์ไซด์ของ
หุ้นพลังงานค่อนข้างจำกัด

 

อนึ่ง ผลการดำเนินงานในอดีต / ผลการเปรียบเทียบ ผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ทั้งนี้ความเห็นที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการให้ความเห็นตามสภาวะตลาดและยกตัวอย่างประกอบเพื่อทำความเข้าใจ โดยผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad