กรุงเทพฯ - บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทย เดือนก.พ.แกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง เหตุกังวลปัจจัยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวเหนือระดับ 4% พร้อมจับตาตัวเลขงบปี 66 ของ บจ. ที่ทยอยประกาศออกมาในช่วงเดือนนี้ จึงให้กรอบดัชนี 1,350-1,400 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นได้ประโยชน์จากเทศกาลตรุษจีน ได้แก่ GFPT-TFG-CPF-SPA-AOT-ERW-CENTEL
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนกุมภาพันธ์มีแนวโน้มแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้างจากปัจจัยกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวเหนือระดับ 4% อีกครั้ง ขณะที่ปัจจัยในประเทศนักลงทุนยังติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,350-1,400 จุดขณะที่ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีอยู่ อาทิ สหรัฐได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศในอิรักและซีเรีย เพื่อตอบโต้กองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน หลังจากการโจมตีด้วยโดรนได้สังหารทหารสหรัฐ 3 นายที่ฐานทัพในจอร์แดน ทั้งนี้ IMF เตือนว่าสถานการณ์ตึงเครียดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่กลุ่มติดอาวุธโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงจะส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งขึ้น และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและการค้าโลก
ปัจจัยลบในประเทศมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่ ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการศึกษาประเด็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤติโควิด-19 ซึ่งเติบโตต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน พบว่ามาจาก 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยเชิงวัฏจักรระยะสั้นพบว่าระยะหลังเศรษฐกิจโลกขยายตัวจากภาคบริการเป็นหลัก ขณะที่ภาคการผลิตชะลอตัว และประเด็นปัญหาในเรื่องภาระหนี้ครัวเรือนสูง ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เผยแพร่ข้อมูลสรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2567 พบว่า กลุ่มนักลงทุนที่ขายสุทธิ ได้แก่ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 26,696.47 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 136.25 ล้านบาท สถาบันในประเทศขายสุทธิ 2,107.92 ล้านบาท ขณะที่มีเพียงกลุ่มนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 29,940.64 ล้านบาท
ส่วนปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด อาทิ วันนี้ (6 ก.พ.) สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออก) แถลงสถานการณ์การส่งออก วันที่ 7 ก.พ. กำหนดการประชุมกนง. ครั้งที่ 1/2567 และประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และการทยอยประกาศงบการเงินปี 2566 ของบริษัทจดทะเบียนจนถึงวันที่ 29 ก.พ.เป็นวันสุดท้าย ส่วนปัจจัยต่างประเทศวันที่ 7 ก.พ. สหรัฐ รายงานดุลการค้าเดือนธ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเทศกาลเทศกาลตรุษจีน ได้แก่ GFPT, TFG, CPF, SPA, AOT, ERW และ CENTEL
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ เดือนนี้แนะนำนักลงทุนจับตาประกาศตัวเลขภาคแรงงานและอัตราเงินเฟ้อเดือนมกราคมของสหรัฐ หากเงินเฟ้อสหรัฐเริ่มอ่อนตัวอาจเป็นเหตุให้ FED ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคม
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำกำลังสร้างฐานครั้งใหญ่ อีกทั้งเป็นช่วง High Season จากเทศกาลตรุษจีนเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำ คาดราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 2,020-2,075$/oz คำแนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น