นายอรรณพ อัครนิธิยานนท์ อดีตนายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ เปิดเผยว่าในขณะนี้ระดับราคาไข่ ไก่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ ผู้เลี้ยงอยู่ได้ ผู้บริโภคไม่เดือดร้อน ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจั ดการปริมาณพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ อย่างเหมาะสม โดยทุกคนในอุตสาหกรรมยอมเลี้ ยงลดลงเพื่อให้ปริมาณไข่ไม่ล้ นตลาดและอยู่ได้ไม่ขาดทุน แต่หากมีผู้เลี้ยงไก่ไข่ที่ มองเป็นโอกาสแล้วเร่งขยายการเลี้ ยง โดยเรียกร้องขอนำเข้าพ่อแม่พั นธุ์ไก่ไข่เพิ่ม อันนี้อาจนำไปสู่ภาวะไข่ไก่ล้ นตลาด กลับสู่วังวนเดิมๆของคนเลี้ ยงไก่ไข่ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่ออุ ตสาหกรรมไข่ไก่โดยรวม
"กว่าเอ้กบอร์ดและทุกคนในอุ ตสาหกรรมจะร่วมมือกันลดปริ มาณแม่ไก่ไข่ให้สอดคล้องกั บการบริโภคในประเทศที่ 48-49 ล้านตัวไม่ใช่เรื่องง่าย กินเวลามา 2-3 ปีทีเดียว ดังนั้น จึงอยากให้ทุกคนในอุตสาหกรรมนี้ คำนึงถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทุ กคนตลอดห่วงโซ่อุปทานไข่ไก่ได้ อย่างยั่งยืน" นายอรรณพกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากทั้งอุตสาหกรรมเห็นว่า จำเป็นต้องเพื่มแม่พันธุ์จริง อาจพิจารณาให้ผู้นำเข้ารายเดิ มที่มีอยู่ถึง 16 รายให้นำเข้าเพิ่มได้ ภายใต้การกำกับดูแลของเอิ้กบอร์ ด ไม่ควรให้เปิดนำเข้าโดยเสรี เพราะจะควบคุมปริมาณแม่ไก่ สาวไม่ได้ และจะกระทบเป็นลูกโซ่ให้ต้องแก้ ปัญหาอย่างยากลำบากกันอีก
ทั้งนี้ Egg board หรือ คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่ และผลิตภัณฑ์ มีมาตรการควบคุมปริมาณไก่เพื่ อรักษาปริมาณไข่ไก่ไม่ให้ล้ นตลาด โดยบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่ การผลิตทั้งประเทศ ตั้งแต่ต้นน้ำ โดยควบคุมปริมาณปู่ย่าพันธุ์ และพ่อแม่พันธุ์ (GP, PS) โดยลดโควต้านำเข้าแม่พันธุ์ไก่ ไข่จากปี 2560, 2561, 2562 ให้ลงมาอยู่ที่ 608,000 ตัว, 550,000 ตัว และ 440,000 ตัวตามลำดับ ขณะที่ ช่วงกลางน้ำ ก็มีมาตรการกำหนดอายุปลดไก่ และช่วงปลายน้ำ ก็ทำการรณรงค์บริโภค รวมถึงส่งออกไข่ไก่ส่วนเกิน. มาตรการทั้งหมดดังกล่าว นำไปสู่ปริมาณผลผลิตไข่ไก่ที่ สมดุลกับปริมาณการบริโภคที่ 39-40 ล้านฟองต่อวัน ส่งผลให้ระดับราคาไข่ไก่มีเสถี ยรภาพที่สุดในรอบ 5 ปี คาดว่า ปี 2563 เอ้กบอร์ดจะยังคงปริมาณแม่พันธุ์ ไก่ไข่ที่ 440,000 ตัวเท่าเดิม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น