CPF ชูความสำเร็จ 21 ปี ระบบ "ไบโอแก๊ส" Best Practice หนุนปศุสัตว์รักษ์โลก ตามแนวทาง BCG Model - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2565

CPF ชูความสำเร็จ 21 ปี ระบบ "ไบโอแก๊ส" Best Practice หนุนปศุสัตว์รักษ์โลก ตามแนวทาง BCG Model

 


บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ยกต้นแบบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ ตามหลัก 
BCG Economy Model  ชูระบบไบโอแก๊ส (Biogas) ในฟาร์มสุกรและคอมเพล็กซ์ไก่ไข่ หนุนกระบวนการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 490,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ตอกย้ำเป้าหมายส่งเสริมภาคปศุสัตว์รักษ์โลก และช่วยลดโลกร้อน    

 


นายสมพร เจิมพงศ์
 รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟให้ความสำคัญกับระบบการผลิตอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบอาหารยั่งยืน โดยเฉพาะการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ  ด้วยการนำหลักเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) หรือ BCG มาใช้บริหารจัดการธุรกิจ หนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในฟาร์มสุกร โดยนำระบบไบโอแก๊ส (Biogas) มาเปลี่ยนมูลสัตว์เป็นพลังงานทดแทน ซึ่งซีพีเอฟเป็นองค์กรที่นำร่องดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2544 เป็นเวลา 21 ปีแล้ว สามารถเป็นต้นแบบของแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ใหักับหน่วยธุรกิจอื่นๆ และถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสุกรรายย่อย (คอนแทรค ฟาร์มมิ่ง) เพื่อร่วมกันผลักดันภาคปศุสัตว์มีส่วนร่มในการลดภาวะโลกร้อนให้กับโลกอย่างยั่งยืน       

    


ซีพีเอฟ ต่อยอดความสำเร็จจากระบบไบโอแก๊ส ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของกรีนฟาร์ม (Green Farm) เพื่อผลิตก๊าซชีวภาพ สำหรับนำมาเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าใช้ในฟาร์ม ช่วยลดต้นทุนด้านไฟฟ้าในฟาร์มสุกรของบริษัททั้ง 98 แห่ง ได้ถึง 50-80% ของค่าไฟฟ้าทั้งหมดที่ใช้ในฟาร์ม ลดกลิ่น และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศ พร้อมกันนี้ นำระบบไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ มาใช้ทั้ง Solar Rooftop และ Solar farm   

    


ด้าน นายสมคิด วรรณลุกขี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจไก่ไข่ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ มุ่งมั่นนำพลังงานทดแทนมาใช้ในคอมเพล็กซ์ไก่ไข่ซีพีเอฟทั้ง 7 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก นครราชสีมา ร้อยเอ็ด อุดรธานี จันทบุรี และสงขลา ทำให้สามารถจัดการของเสียในกระบวนการเลี้ยงไก่ไข่ ด้วยการผลิตไบโอแก๊สจากมูลไก่เป็นกระแสไฟฟ้าใช้เองในสถานประกอบการ ช่วยลดกลิ่น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยังช่วยลดต้นทุนด้านไฟฟ้าลง 70-80% รวมทั้งยังได้นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้บริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในกระบวนการของโรงคัดไข่ไก่      

         

ขณะเดียวกัน น้ำหลังการบำบัดจากระบบไบโอแก๊ส นำไปใช้หมุนเวียนผสมกับมูลไก่ในระบบฯ โดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำดิบจากธรรมชาติ ส่วนกากไบโอแก๊สหลังการบำบัด มีเกษตรกรที่ขอไปใช้ประโยชน์ในการปรับสภาพดินก่อนที่จะปลูกพืช หรือทำนา ส่วนน้ำหลังการบำบัด เป็นน้ำที่มีแร่ธาตุเหมาะกับการเติบโตของพืช ส่งต่อให้เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงฟาร์ม นำไปใช้กับแปลงเพาะปลูก ช่วยให้ผลผลิตเติบโตได้ดี มีผลผลิตเพิ่มขึ้น และลดค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ยเคมี    

 

จากการที่ ซีพีเอฟพัฒนาการกำจัดของเสียและน้ำเสีย ที่เกิดจากมูลสัตว์ของฟาร์มเลี้ยงสุกรและคอมเพล็กซ์ไก่ไข่ โดยมีการติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพในการบำบัดมูลสัตว์และน้ำที่ใช้ในการเลี้ยงสุกรและไก่ไข่  นอกจากจะช่วยลดกลิ่นและการปล่อยก๊าซมีเทนที่จะออกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งได้นำก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์ที่ได้จากระบบก๊าซชีวภาพไปผลิตกระแสไฟฟ้า และนำกลับมาใช้ในฟาร์มเลี้ยงสุกรและไก่   สามารถทดแทนไฟฟ้าได้ 69 ล้านหน่วย   ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 490,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี  

 

ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร ให้ความสำคัญในการสร้างสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยวางกลยุทธ์และเป้าหมายความยั่งยืน “CPF 2030 Sustainability in Action” ที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในทุกๆ วันของการดำเนินธุรกิจ ด้วยการนำแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนมาเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ควบคู่ไปกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ที่กำหนดไว้ 17 เป้าหมาย ตลอดจนดำเนินธุรกิจตามแนวทางข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact : UN Global Compact) และสนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อมุ่งบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero emissions) ภายในปี 2050./ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad