UBA เข้าเทรดวันแรกทะยานเหนือจอง 62.35% นลท.เชื่อมั่นผู้นำธุรกิจจัดการน้ำแบบครบวงจรอนาคตไกล ปักธง 3 ปีเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า10-30% ตอกย้ำหุ้น Growth Stock - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2565

UBA เข้าเทรดวันแรกทะยานเหนือจอง 62.35% นลท.เชื่อมั่นผู้นำธุรกิจจัดการน้ำแบบครบวงจรอนาคตไกล ปักธง 3 ปีเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า10-30% ตอกย้ำหุ้น Growth Stock

 


บมจ.ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ (
UBA) ผู้นำธุรกิจด้านการให้บริการจัดการน้ำ เดินระบบ และบำรุงรักษาแบบครบวงจร ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เปิดเทรดวันแรกพุ่งเหนือจอง 62.35% จากราคาไอพีโอ 1.70  บาท/หุ้น สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่มีต่อบริษัทในฐานะผู้นำธุรกิจการจัดการน้ำครบวงจรอนาคตไกล ฟากซีอีโอ “ สมชาติ สังหิตกุล ” มั่นใจจากฐานทุนที่เพิ่มขึ้น ปริมาณงานภาครัฐ- เอกชนเปิดให้ประมูลอีกเพียบ รุกขยายงานต่อยอดธุรกิจ เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ และกำไร หนุนผลงานใน 3 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10 -30% ขึ้นแท่นหุ้นสาธารณูปโภคอนาคตไกล ตอกย้ำหุ้น Growth Stock สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นระยะยาว

 

บริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ (UBA) เข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 7 ธันวาคม  2565 เป็นวันแรก ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เปิดตลาดที่ระดับ 2.76 บาท เพิ่มขึ้น 1.06 บาท หรือ 62.35% เทียบราคาไอพีโอที่ 1.70  บาท

 

นายสมชาติ สังหิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ จำกัด (มหาชน) (UBA) เปิดเผยว่า ราคาหุ้น UBA  ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีมูลค่าการซื้อขายคึกคัก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตได้อีกมาก หลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในฐานะที่เป็นผู้นำด้านการให้บริการจัดการน้ำ เดินระบบ และบำรุงรักษาแบบครบวงจร รวมทั้งการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยคาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าอัตราการเติบโตรายได้เฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 10 -30 % 

 

ทั้งนี้ ภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพด้านฐานเงินทุนที่สูงขึ้น พร้อมๆกับการรับงาน การขยายงาน ซึ่งบริษัทฯ อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีแผนการเติบโตอย่างชัดเจนจากความจำเป็นในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยที่ขยายตัว ทำให้มีแนวโน้มเติบโตตามอุตสาหกรรมซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้และกำไรมากขึ้นจากการที่บริษัทจะมีโอกาสเข้าร่วมประมูลงาน และได้รับงานที่มีปริมาณมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้หากเทียบการบำบัดน้ำเสียของประเทศไทยกับประเทศที่พัฒนาแล้ว จะพบว่าประเทศที่พัฒนาแล้วมีค่าเฉลี่ยในการบำบัดน้ำเสีย ประมาณ 91 % แต่ปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีการบำบัดน้ำเสียเพียงแค่ 27% จากปริมาณน้ำเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงทำให้เชื่อว่ามีโอกาสที่จะผลักดันการเติบโตได้อีกมาก 

 

“ UBA ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภคซึ่งมีความมั่นคง  นโยบายการขยายด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐ การบําบัดนํ้าเสียที่เข้มงวดมากขึ้น ส่งผลต่อความสำคัญในการบริหารจัดการบำบัดน้ำเพิ่มขึ้น   บริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐและเอกชนกว่า 10,000 ล้านบาทใน 3 – 5 ปีข้างหน้า ทั้งในส่วนของโรงบำบัดน้ำเสีย และการสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทฯ ในการเข้ารับงาน และมีโอกาสได้งานสูงถึง 20 % ของมูลค่างานที่จะเปิดให้ประมูล  ประกอบกับงานจากภาคเอกชนเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตทั้งในส่วนของรายได้ และกำไรมากขึ้นด้วย” นายสมชาติกล่าว

สำหรับเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ จำนวน 289 ล้านบาท บริษัทฯ นำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับโอกาสจากการเติบโตของบริษัท ได้แก่ การลงทุนพัฒนาระบบสารสนเทศ (Information System) การวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสินค้าและบริการใหม่  ซื้อและปรับปรุงเครื่องจักรที่ใช้สนับสนุนการดำเนินงาน และชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลง เพิ่มศักยภาพการทำกำไรได้สูงขึ้นด้วย

 

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ จำกัด (มหาชน ) UBA กล่าวว่า การที่หุ้น UBA ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เนื่องจากมั่นใจในศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ในฐานะผู้นำธุรกิจ ประกอบกับ UBA อยู่ในอุตสาหกรรมที่แนวโน้มการเติบโตอย่างชัดเจน จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย ทำให้มีแนวโน้มเติบโตตามอุตสาหกรรม รวมทั้งปริมาณงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น  ขณะเดียวกัน บริษัทฯมีมูลค่างานในมือ ( ไตรมาส 3/2565 )  มูลค่ารวมกว่า 1,422 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2565-2569 รวมทั้งมีแผนจะขยายสัดส่วนการรับงานภาคเอกชน จากปัจจุบันสัดส่วน 20 %  จะเป็นปัจจัยสนับสนุนแนวโน้มรายได้และกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad