“แองจี้-ฐิติชา” ชวนชมฝีมือ Choānn (โชอัน) ผู้กำกับอินเตอร์ฯ ตีความฉากเอ็มวี “OverLuv” สุดว๊าว!! - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2566

“แองจี้-ฐิติชา” ชวนชมฝีมือ Choānn (โชอัน) ผู้กำกับอินเตอร์ฯ ตีความฉากเอ็มวี “OverLuv” สุดว๊าว!!



 ค่ายเพลง E29 Music Identities (อีทูไนน์ มิวสิค ไอเด็นติตี้) ปล่อยเอ็มวีเพลง OverLuv”  

(โอเวอร์เลิฟ)   ซิงเกิลที่ ของศิลปิน “แองจี้-ฐิติชา สมบัติพิบูลย์” ออกมาให้ฟังกันต่อเนื่องแบบนอนสทอพ จนล่าสุดเอ็มวีสุดฮอต OverLuv”  ยอดวิวพุ่งทะยานสู่ 64 ล้านวิว  ไปสดๆ ร้อนๆ ไปแล้ว   โดยที่มาของเอ็มวีสุดฮอตครั้งนี้   ได้อิมพอร์ตผู้กำกับอินเตอร์ฯ Choānn (โชอัน) ได้ แลนด์ดิ้งมากำกับเอ็มวีดังกล่าวถึงประเทศไทย   โดยใช้เวลาถ่ายทำเพียง วันเต็ม   ก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ในเพลง OverLuv”  ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม   ตีความฉากต่างๆ ของบทประพันธ์ Madame Butterfly” อุปรากรโดย “จาโกโม่ ปุชชีนี” หรือ “สาวเครือฟ้า” ในเวอร์ชั่นไทยออกมาได้อย่างน่าทึ่ง   ไม่ว่าจะเป็น ฉากบ้านทรงไทยฉากรังไหมฉากแจกันดอกไม้ฉากแขนหุ่นยนต์ฉากอาทิตย์อัสดงฉากร่มบ่อสร้าง และฉากรถตุ๊กตุ๊ก   ผสมผสานกับความหลงใหลผีเสื้อของ “แองจี้-ฐิติชา” ออกมาได้อย่างกลมกลืนและลงตัวสุดๆ    โดย Choānn (โชอัน) ได้ตีความฉากต่างๆ ออกมาได้อย่างน่าทึ่งดังนี้ 

ฉากบ้านทรงไทย THAI HOUSE 

เพลง Overluv”  ของศิลปิน  “แองจี้-ฐิติชา” เป็นเพลงที่พูดถึงการที่เรารักใครสักคนบนความเจ็บปวด 

ของตัวเอง    สำหรับ MV เราได้แรงบันดาลใจมาจากตอนที่ผมได้อ่านบทละครโอเปราที่เป็นโศกนาฏกรรมความรักเรื่อง “Madame Butterfly ซึ่งนำเสนอความสัมพันธ์ตั้งแต่ความรักเริ่มผลิบาน   กลายเป็นความหลุ่มหลง   และกลายเป็นพิษร้ายต่อตัวเองในที่สุด  

 

                                                           


 

จริงๆ  จุดเริ่มต้นเรื่อง  “Madam Butterfly เองก็มีความน่าสนใจ      และมีประวัติการนำไปดัด 

แปลงแพร่หลายไปหลายเชื้อชาติ  ต้นฉบับมาจากเรื่องสั้นของอเมริกา  แล้วต่อมาก็ดัดแปลงมาเป็นอุปรากรแบบอิตาเลียน  ซึ่งพูดถึงเรื่องราวของสาวญี่ปุ่นกับหนุ่มนายทหารอเมริกัน  เรื่องนี้มีเวอร์ชั่นที่หลายๆ ประเทศดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยและบริบทของตนเอง   อย่างเมืองไทยก็จะเป็นเรื่อง “สาวเครือฟ้า” ผมเองในฐานะผู้ 

กับกับชาวสิงคโปร์ที่ได้มาร่วมงานกับศิลปินไทยที่กรุงเทพฯ  ซึ่งขนทีมงานระดับนานาชาติของผมมาเพื่องานนี้  ก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันลงตัวและเป็นโอกาสที่ดีมาก  ที่เราจะได้เล่าเรื่องราวที่มันผ่านการตีความจากหลากหลายเชื้อชาติเหลือเกิน  และได้เล่าเรื่องบนการผสมผสานทางวัฒนธรรมที่หลากหลายแบบนี้    ไอเดียต่างๆ มันก็ยิ่งพรั่งพรูเข้ามาตอนที่ผมเริ่มวางฉากแต่ละฉากใน MV นี้   โดยอ้างอิงจากเนื้อเรื่องต้นฉบับเป็นหลัก อย่างฉากบ้านทรงไทยนี้   ผมอยากให้รู้สึกถึงบ้านที่มีแต่โครงสร้าง  ดูว่างเปล่า ขาดหาย ไร้ความรัก  ความอบอุ่น โดยเลือกให้น้องแองจี้ใส่ชุดที่เราออกแบบจากเรื่อง “The Wizard of Oz  หลายๆ คนน่าจะจดจำฉาก “There’s no place like home” ได้ดี    และไม่ว่าจะหันไปทางไหนในบ้านก็รู้สึกคนรักของเธอคอยหลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา   แสงแดดที่สาดเข้ามาในแต่ละทิศทาง  ก็เพื่อที่ จะบอกว่าเวลาเปลี่ยนผ่านไปนานแค่ไหน แต่คนรักของเธอก็ไม่เคยอยู่เคียงข้างเธออย่างแท้จริงเลย 

ฉากรังไหม COCOON  

ฉากนี้ผมอยากให้คนดูนึกถึงรังไหมหรืออะไรที่ผูกรัดเป็นบ่วง เป็นวังวน  ทำให้แองจี้ไม่สามารถ 

มูฟออนออกไปจากความสัมพันธ์ที่มัน Toxic ได้  ทั้งเรื่องของสไตล์ที่ @lookmai.92 ดูแลให้   และโซฟาที่สั่งทำมาโดยเฉพาะมาช่วยเสริมในเรื่องนี้   ตอนแรกเราลองทาสีผนังให้เป็นลายรังไหมเลย  แต่พอมาดูจริงๆ ผมรู้สึกว่ามันยังตอบโจทย์ได้ไม่ดีพอ   สุดท้ายเลยมาลงตัวที่การใช้เอฟเฟกต์พื้นผิวเป็นลายหินอ่อน  ซึ่งมันทำให้เรามองเห็นลายเส้นบนผนังที่มันดูเลื่อนไหล  และไม่มีอะไรมั่นคงตายตัวอยู่เลย 

ฉากแจกันดอกไม้ FLOWER VASE  

ไอเดียหลักๆ ของซีนนี้  เราอยากให้เห็นภาพว่าแองจี้   เป็นเหมือนแจกันดอกไม้ที่เป็นมนุษย์  

เพื่อจะถ่ายทอดเรื่องราวว่าในความสัมพันธ์ครั้งนี้   ผู้หญิงคนนึงถูกมองเป็นแค่ของประดับ  ไม่มีความหมายอะไรลึกซึ้ง   ดอกไม้สีเหลืองในฉาก เราเลือกใช้ดอกราชพฤกษ์  ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของไทย เป็น 

 

สัญลักษณ์ของความสวยงาม  แต่ในขณะเดียวกัน  ดอกไม้ก็ยังคงถูกมองว่ามีคุณค่าแค่เพียงแค่เป็นไว้ปักแจกันให้ชมดูเพลินตาก็เท่านั้น   ซีนนี้ช่วงแรกเราจะเห็นแองจี้ยืนนิ่งมาก  นิ่งเหมือนน้องเป็นแจกันดอกไม้ที่จัดแต่ง 

แบบอิเคบานะของญี่ปุ่นเลย   ถัดมาเราถึงได้เห็นว่าแองจี้คว้าช่อดอกไม้นั้น   เหวี่ยงฟาดลงกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า  เมื่อเดินมาถึงจุดที่พร้อมจะสู้  และไม่ยอมจำนนกับสถานะ “ดอกใม้ประดับ” ที่ถูกวางไว้อีกต่อไป  และ 

สุดท้ายในฉากนี้  แองจี้ก็เลือกจะโยนดอกไม้นั้นทิ้งไป  และนั่นก็นั่นคือวันที่ผู้หญิงคนนึง  พร้อมจะปฏิเสธ  ไม่ทนยอมรับความรักพังๆ  ในความสัมพันธ์ที่ Toxic แบบนี้อีกต่อไปแล้ว 

ฉากแขนหุ่นยนต์ ROBOT ARM  

คอนเซ็ปต์ทั้งหมดของ MV แองจี้   มีจุดเริ่มต้นจากเรื่องสั้น Madam Butterfly ของ John  

Luther Long   ทีนี้มันจะมีอยู่ประโยคนึง  ที่นายทหารหนุ่มอเมริกันพูดขึ้น  ตอนที่มาตามจีบ “โจโจ้ซัง” สาวน้อยชาวญี่ปุ่นที่เป็นตัวละครเอกในเรื่อง   ที่ว่า Tho' in the quest her frail wings should be broken...” ซึ่งประโยคนี้ประโยคเดียวเลย   มันบ่งบอกว่าผู้ชายคนนี้สามารถจะทำอะไรก็ได้  เพื่อแลกกับการได้เธอมาครอง แม้ว่าจะต้องเด็ดทำลายปีกผีเสื้อแสนสวยของเธอก็ตาม   ซึ่งความคิดประเภทนี้มันเลวร้ายน่าขนลุกมาก และมันก็เป็นประโยคที่ติดอยู่ในหัวผมมาตลอดเลย  ก็เลยกลายมาเป็นแรงบันดาลใจของซีนนี้ 

 ฉากอาทิตย์อัสดง BLOOD SUNSET  

ในเรื่องต้นฉบับ ไคลแมกซ์ของเรื่องจะเป็นตอนที่ “โจโจ้ซัง” ใช้กริชทองปาดคอฆ่าตัวตาย แต่ 

ก็มีหลายๆ เวอร์ชั่นเหมือนกันที่นางเอกของเรื่องไม่ได้ตายตอนจบ  เราไม่ได้เอาฉากนี้มาใช้  อันนี้แน่นอนอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าเราต้องดึงเอาอะไรบางอย่างจากฉากไคลแมกซ์นี้   มานำเสนอใหม่เพื่อเป็นเกียรติแก่ต้นฉบับ ก็เลยนำมาตีความใหม่ให้เป็นแองจี้ใช้กรีดเล็บมือทาสีเหลืองทองไปที่คอ   และตัวบ้านก็อาบไปด้วยแสงอาทิตย์อัสดงที่แดงฉานแทน 

ฉากร่มบ่อสร้าง UMBRELLA  

ฉากนี้เราปรับแก้กันอยู่หลายรอบเหมือนกัน  กว่าจะลงตัวออกมาเป็นภาพร่มโบราณของไทย 

 

 

ขนาดใหญ่ยักษ์ที่เห็นลอยอยู่ในฉาก  ทำให้ดูเหมือนเป็นเพดานที่แองจี้กับแดนเซอร์เต้นอยู่ใต้นั้น  ส่วนนี้ผมอยากได้ภาพของโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ทอดร่มเงาครอบคลุม  ซึ่งเราได้@cosmicvision.studio มาช่วยดูเรื่อง 

ของ CG ให้    ส่วนพวกภาพการเคลื่อนไหว   อะไรต่างๆ บนพื้น LED ของเรา  ควบคุมดูแลโดย DOP @kelvincwz_dp โดยได้แรงบันดาลใจมาจากรูปร่างของตัวอ่อนผีเสื้อ 

ฉากตุ๊กตุ๊ก TUKTUK  

ผมรู้เลยว่าตอนจบของ MV มันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่สื่อถึงการปลดปล่อย  เพื่อให้แองจี้ ได้ 

คิดและเลือกจะ  “หนี”  ออกไปจากวังวนของเธอให้ได้    หลังจากที่ผมได้มาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ  ช่วง 2-3เดือนที่ผ่านมา   ผมเลือกเลยว่าฉากนี้ต้องไปอยู่กันบนถนน   มีรถตุ๊กตุ๊กขับซิ่งกันเป็นขบวนอย่างอิสระเสรี  คนขับทั้งหมดจะต้องเป็นผู้หญิง   เพื่อเป็นตัวแทนของผู้หญิงทุกคนที่ปลดปล่อยตัวเอง  ให้เป็นอิสระจากความสัมพันธ์ที่มัน Toxic และเลือกที่จะดำเนินชีวิตในเส้นทางที่ตัวเองเลือก 

                             ได้ฟังการถ่ายทอดเรื่องราวเอ็มวีเพลง OverLuv (โอเวอร์เลิฟ) กันแบบละเอียดยิบไปแล้ว   งานนี้ต้องไปดูเอ็มวีของจริงกันแล้วล่ะ   ว่าคุณภาพคับจอขนาดไหน?   สำหรับใครที่ยังไม่เคยชมเอ็มวีเพลงนี้ สามารถติดตามชมเอ็มวีเพลง OverLuv” (โอเวอร์เลิฟ) ของศิลปิน “แองจี้-ฐิติชา  สมบัติพิบูลย์”  ค่ายเพลง E29 Music Identities (อีทูไนน์ มิวสิค ไอเด็นติตี้)  ได้ทาง  https://youtu.be/2bsvCAYwh9Q ยิ่งได้รู้ความหมายของแต่ละฉากกันไปแล้ว....บอกได้คำเดียวว๊าววมากจ๊ะแม่จ๋า!!  

#OverLuv#MadameButterfly#E29MusicIdentities  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad