ธนาคารกรุงเทพ แนะ 5 เคล็ด(ไม่)ลับ ลดเสี่ยงภัยทางไซเบอร์ เพิ่มความระมัดระวังช่วงเทศกาลปีใหม่ เงินสะพัด-ปริมาณธุรกรรมสูงกว่าปกติ - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ธนาคารกรุงเทพ แนะ 5 เคล็ด(ไม่)ลับ ลดเสี่ยงภัยทางไซเบอร์ เพิ่มความระมัดระวังช่วงเทศกาลปีใหม่ เงินสะพัด-ปริมาณธุรกรรมสูงกว่าปกติ

 


ธนาคารกรุงเทพ
 แนะ แนวทาง ใช้ดิจิทัลแบงก์กิ้งอย่างสบายใจ สกัดภัยทางไซเบอร์ ยึดหลัก “ช้าแต่ชัวร์” อย่ารีบตัดสินใจ เสี่ยงตกเป็นเหยื่อ ชี้มิจฉาชีพหันโจมตีจุดอ่อนเรื่องพฤติกรรม-ประมาท ย้ำเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ เหตุเงินสะพัด-ปริมาณธุรกรรมสูงกว่าปกติ

 

ย้ำให้ยึดหลัก “ช้าแต่ชัวร์” ไม่ตกเป็นเหยื่อการโจรกรรมทางไซเบอร์ ชี้ช่วงเทศกาลปีใหม่มีปริมาณธุรกรรมสูงกว่าปกติ เพิ่มความระมัดระวัง หลังพบพฤติกรรมแฮกเกอร์ เจาะจุดอ่อนพฤติกรรมผู้ใช้มุ่งโจมตีที่ตัวบุคคลมากขึ้น

 

นายกิตติ โฆษะวิสุทธิ์ ผู้จัดการจัดการความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคเลือกใช้บริการด้านการเงินผ่านช่องทางออนไลน์และดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ต้องการทำธุรกรรมได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และลดการใช้เงินสด ซึ่งธนาคารได้มุ่งมั่นพัฒนาบริการต่างๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานดังกล่าว รวมถึงการให้ความมั่นใจแก่ลูกค้าในด้านความปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมบนหลักการที่เป็นมาตรฐานสากล

 

อย่างไรก็ตาม ธนาคารพบว่า ภัยทางไซเบอร์ที่พบค่อนข้างมากช่วงที่ผ่านมา จะพบได้บ่อยใน รูปแบบ ได้แก่ 1.) การชักจูงเพื่อให้เปิดเผยข้อมูลด้วยฟิชชิงอีเมลหรือ SMSที่มักมีลิงก์ให้กรอกข้อมูล 2.) การหลอกล่อให้ทำตามที่ต้องการ เช่น การดาวน์โหลดโปรแกรม 3.) การเข้าถึงเครื่องที่ใช้งานทางช่องโหว่ 4. แอบอ้างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเร่งรับบังคับให้ทำตาม 5.) ส่งเอกสารที่มีมัลแวร์มากับเมล

 

ทั้งนี้ ในฐานะธนาคารที่มีความมุ่งมั่นในบทบาทการเป็น “เพื่อนคู่คิด” ให้แก่ลูกค้า ธนาคารขอแนะนำ 5 แนวทางเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ทุกการทำธุรกรรมของลูกค้า

  1. ต้องมั่นใจว่าอัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันปัจจุบันอยู่เสมอ
  2. ติดตั้งเครื่องมือป้องกันภัยคุกคาม เช่น โปรแกรมป้องกันไวรัส
  3. ไม่ติดตั้งซอฟต์แวร์จากลิงค์ที่แนบมากับเมลหรือ SMS
  4. ไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล รหัส OTP หรือรหัสผ่านแก่ผู้อื่น
  5. เพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมทุกขั้นตอน

 

นายกิตติ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันพบว่าแฮกเกอร์ มุ่งเน้นการโจรกรรมไปยังผู้ใช้งานโดยตรง เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้งานเทคโนโลยีในชีวิตประจำมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีความรู้ ประสบการณ์และความระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้งานแตกต่างกัน ซึ่งแฮกเกอร์จะอาศัยช่องโหว่หรือจุดอ่อนของพฤติกรรมผู้ใช้งานในการโจมตี โดยใช้เทคนิคการโน้มน้าวเหล่านี้

 

สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้งานควรเพิ่มความใส่ใจ คือ การวิเคราะห์และเข้าใจในตัวเองว่า เราเป็นคนแบบไหน มีพฤติกรรมแบบใด เช่น เมื่อได้รับข้อความจากกลุ่มเพื่อน แล้วส่งต่อเลย โดยไม่ได้อ่านให้ละเอียด หรือ ตัดสินใจเร็วด้วยความประมาท เมื่อเข้าใจตัวเองรวมถึงพฤติกรรมของตัวเราแล้ว พฤติกรรมสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้ คือ การลดความเร็วในการตัดสินใจ และ การกระทำที่เรียกว่า ช้าแต่ชัวร์ คือ ตรึกตรองและใคร่ครวญวัตถุประสงค์ก่อนทุกครั้ง ทบทวนอีกรอบ จะช่วยให้สามารถพิจารณาได้อย่างละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น ไม่ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงและการโจรกรรมทางไซเบอร์ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงเทศกาลต่าง ๆ ที่เป็นช่วงจับจ่ายใช้สอย มีเงินสะพัดและปริมาณธุรกรรมที่สูง ดังนั้น ผู้บริโภคก็ควรต้องเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน” นายกิตติ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad