ผู้เลี้ยงหมูยันรัฐต้องทำลายหมูเถื่อนค้างตู้ 4.5 ล้านกิโลกรัมทันที - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2566

ผู้เลี้ยงหมูยันรัฐต้องทำลายหมูเถื่อนค้างตู้ 4.5 ล้านกิโลกรัมทันที



 (27 เมษายน 2566) นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า สมาคมฯได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมศุลกากร ขอให้จัดการสุกรเถื่อน 4.5 ล้านกิโลกรัมที่จับได้ล่าสุดในขั้นเด็ดขาดทันที เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี 2565 ชิ้นส่วนเนื้อสุกรลักลอบนำเข้าซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าการผลิตภายในประเทศเข้ามาสร้างความเสียหายกับตลาดการค้าสุกรมีชีวิตภายในประเทศอย่างมาก เป็นการทำลายอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของประเทศไทย สร้างแรงกดดันให้เกษตรผู้เลี้ยงสุกรต้องขายผลผลิตต่ำกว่าต้นทุน ขาดทุนตัวละ 2,000-3,000 บาท หรือเสียหายรวม 100-150 ล้านบาทต่อวัน จากจำนวนเข้าโรงฆ่าเฉลี่ย 50,000 ตัวต่อวันในปัจจุบัน 

 

โดยขอให้จัดการตู้สินค้าเนื้อสุกรแช่แข็งตกค้างที่ตรวจพบแล้ว ณ ท่าเรือแหลมฉบังทั้ง 161 ตู้ ดังนี้  1.)ขอให้ส่งทำลายสินค้าเนื้อสุกรแช่แข็งตกค้างทั้งหมด 2.)ขอให้เปิดเผยรายชื่อผู้นำเข้าทั้งหมดทุกตู้  พร้อมรายชื่อผู้ประกอบการนำเข้าที่ขึ้นทะเบียนไว้ 27 ราย  3.)ขอจำนวนตู้สินค้าสุกรเถื่อนทั้งหมดที่ส่งให้กรมปศุสัตว์ทำลายไปแล้ว ในครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2565 – 2566 (ตุลาคม 2565-มีนาคม 2566)

 

ทั้งนี้ เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศกำลังเดือดร้อนหนักกับภาวะสุกรหน้าฟาร์มราคาตกต่ำ ราคาประกาศวันพระวันนี้ราคาลงไปอยู่ที่ 72-82 บาท/กก. จากต้นทุนที่ 100 บาท/กก. และยังมีแนวโน้มลดลงอีก เมื่อทราบว่ามีสุกรเถื่อนค้างตู้คอนเทนเนอร์ที่แหลมฉบังถึง 161 ตู้ ทำให้ทุกคนเรียกร้องให้รัฐเร่งทำลายทั้งหมดทันที โดยไม่ควรอนุญาตให้ทำการ Re-Export ไปขึ้นที่ท่าเรืออื่น เพราะจะกลายเป็นกองทัพมดเข้ามาประเทศไทยทางตะเข็บชายแดน ทำให้ตรวจจับยากขึ้น และกระจายเชื้อโรคสู่ภูมิภาคต่างๆได้ง่ายขึ้น 

 

“ต้องขอบคุณกรมศุลกากรที่ล็อคตู้หมูเถื่อนให้อยู่ในอารักขาของกรมไว้ได้มากถึงขนาดนี้ และทราบว่าเตรียมส่งมอบให้กรมปศุสัตว์นำไปทำลายทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก ดีกว่าการอนุญาตให้ผู้นำเข้าทำการ Re-Export เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นสินค้าผิดกฎหมาย ขณะที่บรรดาผู้นำเข้าที่อยู่ในบัญชีรายชื่อของกรมศุลกากรจะถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการทำลายทั้งหมดจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะดึงเวลาการทำลายออกไป”  นายสุรชัยกล่าว

 

การตัดสินใจทำลายสุกรเถื่อนอย่างรวดเร็วจะทำให้สังคมจะได้รับทราบว่า ใครคือผู้นำเข้าหรือชิปปิ้งของตู้หมูเถื่อนดังกล่าวและยังช่วยทำให้เกษตรกรมั่นใจว่าจะไม่มีหมูเถื่อนจากตู้เหล่านี้กลับเข้ามาตีตลาดประเทศไทยได้อีก ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะสามารถนำรายชื่อผู้นำเข้า-ชิปปิ้งมาขยายผลในการดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด โดยควรต้องรีบจัดตั้ง “คณะทำงานร่วม ระหว่าง สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และกรมการค้าภายใน”  เพื่อถอนรากถอนโคนขบวนการหมูเถื่อนให้หมดไปจากประเทศไทย เป็นผลดีต่อเกษตรกรและคนไทยทั้งประเทศ  

 

นอกจากนี้ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติจะนำความเดือดร้อนของเกษตรกรไทย เข้าหารือกับเอกอัครราชทูตประเทศบราซิลประจำประเทศไทยตามที่ได้รับเชิญมา  เนื่องจากสุกรเถื่อนส่วนใหญ่ที่เข้ามาสู่ประเทศไทยมีต้นกำเนิดมาจากประเทศบราซิล โดยขอยืนยันว่าการนำเข้าเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งผิดกฎหมายไทย และอาชีพการเลี้ยงสุกรเป็นอาชีพเฉพาะที่สงวนไว้สำหรับเกษตรกรไทย หากบราซิลยังส่งสุกรผิดกฎหมายเข้ามาจำนวนมหาศาลและต่อเนื่องเช่นนี้ เท่ากับสนับสนุนการทำลายตลาดสุกรในประเทศ ทำลายอาชีพของคนไทย เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่จำเป็นต้องขอร้องท่านทูตบราซิลให้ระงับการกระทำผิดกฎหมายทั้งหมดทันที


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad