YLG เผยไตรมาสแรกลูกค้าออมทองพุ่งแรงทั้ง GoldSaving และ แอปเป๋าตัง แนะจับจังหวะทองพักฐานสะสมเข้าพอร์ตชี้ระยะกลาง-ยาวยังไปได้ต่อ - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2566

YLG เผยไตรมาสแรกลูกค้าออมทองพุ่งแรงทั้ง GoldSaving และ แอปเป๋าตัง แนะจับจังหวะทองพักฐานสะสมเข้าพอร์ตชี้ระยะกลาง-ยาวยังไปได้ต่อ

 


วายแอลจี เผยตัวเลขการออมทองคนไทยผ่านผลิตภัณฑ์ของ 
YLG ไตรมาสแรกเติบโตน่าสนใจ ยอดออมผ่าน YLG GOLD SAVING เติบโตกว่า 60% ส่วนจำนวนผู้เปิดบัญชีเทรดทองคำ 99.99% กับ YLG Gold Wallet บนแอปเป๋าตังเพิ่มขึ้นกว่า 70% มอง ปัจจัยหนุนคนไทยหันออมทองมากขึ้น มาจากการเคลื่อนไหวของทองคำมีทั้งจังหวะขึ้นและย่อตัวให้ทำกำไรระยะสั้นและเข้าเก็บสะสมระยะยาว อีกทั้งคนไทยมีความชื่นชอบทองคำสูง อัตราการบริโภคทองคำติดท็อป ของเอเชีย และบริการออมทองเข้าถึงง่ายใช้เงินขั้นต่ำเพียง 100 บาท ตอบโจทย์นักลงทุนทุกกลุ่ม ส่วนบริการ Gold Wallet ให้บริการเทรดทองคำด้วยสกุลดอลลาร์ป้องกันความผันผัวนของค่าเงิน แต่สามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินบนแอปได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมแนะนักลงทุนใช้จังหวะทองคำพักฐานช่วงสั้นเข้าสะสมทองคำ เหตุระยะยาวยังไปได้ต่อเพราะเศรษฐกิจโลกยังน่ากังวล


นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย
 เปิดเผยว่านับจากต้นปีจนถึงสิ้นไตรมาสแรกปีนี้นักลงทุนทองคำรายย่อยเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในส่วนของลูกค้าบริการออมทอง ผ่านโปรแกรม “YLG GOLD SAVING” มียอดการออมเติบโตขึ้นกว่า 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่บริการเทรดทองคำ 99.99% กับ YLG ผ่านฟีเจอร์ Gold Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับที่ดีมียอดการเปิดบัญชีเพิ่มขึ้นกว่า 70% สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้บริการออมทองทั้ง ประเภทเติบโตอย่างมีนัยสำคัญนั้นมองว่ามาจาก 3 ปัจจัย ดังนี้

ราคาทองคำที่มีจังหวะขึ้นและจังหวะย่อตัวหลายรอบทำให้นักลงทุนมีโอกาสเข้าไปซื้อลงทุนและสามารถขายทำกำไรตามรอบ โดยนักลงทุนที่เข้ามาซื้อเหล่านี้มีทั้งซื้อสะสมแบบการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน โดยการลงทุนในสินทรัพย์มูลค่าเท่ากันอย่างสม่ำเสมอ (DCA) ในลักษณะการถือยาว และอีกส่วนหนึ่งเป็นการลงทุนออมทองเพื่อเก็งกำไร

     คนไทยและคนเอเชียส่วนใหญ่ เช่น จีน และอินเดีย มีความชื่นชอบทองคำอยู่แล้ว โดยประเทศไทยบริโภคทองคำเป็นอันดับ ของเอเชีย รองจาก จีน และอินเดีย เท่านั้น ดังนั้นเมื่อมีโอกาสเข้าถึงทองคำได้ง่าย เช่น การออมทองผ่าน YLG GOLD SAVING และ Gold Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง จึงได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย

3.    ทั้ง บริการ เป็นบริการที่เข้าถึงนักลงทุนทุกกลุ่ม โดย YLG GOLD SAVING กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 100 บาท ในรูปแบบการออมสะสม เป็นบริการได้รับการตอบรับดีเกินคาด เนื่องจากเปิดบริการทุกวัน ไม่เว้นวันเสาร์-อาทิตย์ ผู้ออมสามารถกำหนดราคาการเข้าซื้อทองได้เองจากการดูราคาเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ สามารถเข้าซื้อทองคำในรูปแบบการออมทองได้ในราคาที่ต้องการตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยขั้นตอนง่ายๆผ่านสมาร์ตโฟนหรือดีไวซ์ต่างๆ หากสะสมทองคำไปจนครบจำนวน 1 กรัมขึ้นไป สามารถเลือกได้ว่าจะไถ่ถอนนำทองคำกลับไป หรือถอนเป็นเงินสด หรือ จะออมต่อเนื่อง ซึ่งขั้นตอนการสมัครง่ายๆ เพียงเปิดบัญชีออมทองที่ www.ylggoldsaving.com ใช้เอกสารเปิดบัญชีเพียง 3 อย่าง ประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่ายคู่กับบัตรประชาชน และหน้าสมุดบัญชีเงินฝาก


ส่วนบริการซื้อ - ขายทองคำผ่านกับ “YLG ผ่าน Gold Wallet” บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” วายแอลจี จึงได้ร่วมกับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB  เพื่อเพิ่มช่องทางบริการให้เข้าถึงคนไทยได้มากขึ้น เป็นบริการการซื้อขายทองคำประเภท 99.99% ซึ่งเป็นทองคำมาตรฐานโลก ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ช่วยให้ผู้ซื้อปิดความเสี่ยงในเรื่องความผันผวนของค่าเงินบาท นอกจากนี้บริการกับ YLG ผ่าน Gold Wallet ยังมีความน่าสนใจอีกหลายด้านเพราะไม่มีค่าธรรมเนียม เปิดบัญชีซื้อ- ขายทองฟรี ไม่ต้องวางเงินประกัน สามารถ ซื้อ - ขายได้ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลาทำการ 07.00-02.00 น. (ตี 2 ของวันถัดไป) สำหรับการซื้อขายสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาท เป็นดอลลาร์สหรัฐ ได้ในระบบบนแอปพลิเคชันได้แบบครบวงจร รวมถึง YLG บนแอปฯ เป๋าตัง ยังมีจุดเด่น คือ ซื้อขายได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ด้วยราคาเรียลไทม์ซื้อ - ขาย ทองต่อครั้งด้วย ขั้นต่ำ 0.1 ออนซ์ สูงสุดแบบเต็มเพดาน ได้สูงสุดถึง 700 ออนซ์ หรือ 20 กิโลกรัม

สำหรับการเคลื่อนไหวของทองคำในช่วงนี้ YLG มองว่า ระยะสั้นมองแนวโน้มการเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวสลับขึ้นลง หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงในกช่วงต้นเดือนเมษายน  โดยมีแนวรับที่ 1,969-1,949 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โดยระดับ 1,949 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นจุดต่ำสุดของเดือนเม.ย. ส่วนแนวต้านอยู่ในโซน 2,004-2,014 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โดยในช่วงที่ราคาทองคำปรับฐานนักลงทุนสามารถใช้เป็นจังหวะซื้อสะสม เนื่องจากระยะกลางและระยะยาวทิศทางทองคำยังมีแนวโน้มไปต่อได้เพราะเศรษฐกิจโลกยังน่ากังวล ด้านทองคำในประเทศคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31,550-32,600 บาทต่อบาททองคำ ณ ระดับอัตราแลกเปลี่ยน 34.17 บาทต่อดอลลาร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad