แต่ละคนอาจมีเหตุผลที่ทำให้อยากจะวิ่งในทุกๆ
วัน บางคนวิ่งเพื่อลดน้ำหนัก และการมีสุขภาพที่ดี หรือต้องการเอาชนะตัวเอง ให้การวิ่งเป็นกระดุมเม็ดแรกของความสำเร็จ
วิ่งเพื่อเงินรางวัล ของที่ระลึก หรือวิ่งเพื่อได้พบปะเพื่อนใหม่ๆ
แม้การ
“วิ่ง” จะเป็นกิจกรรมที่เรียบง่ายที่สุด แต่ทุกการออกวิ่งล้วนมีเหตุผลและเป้าหมายที่แตกต่างกัน
กล่าวกันว่า
การวิ่งไม่จำเป็นว่าเราจะต้อง ‘เร็ว’ ที่สุดเสมอไป
เพราะระหว่างทางของการวิ่งล้วนมีคุณค่าให้เก็บเกี่ยว และทันทีที่คุณออกวิ่งและทำอย่างต่อเนื่อง นั่นหมายความว่าการวิ่งได้เปลี่ยนชีวิตคุณไปแล้ว
การวิ่งจึงไม่ใช่แค่เพียงขยับร่างกายไปข้างหน้า
หากแต่ยังแฝงกระบวนการของการพัฒนาตัวเองไปพร้อมๆกัน และในแต่ละปีเรามักเห็นกิจกรรมการวิ่งหรือที่เรียกว่า
“งานวิ่ง” จัดขึ้นจำนวนไม่น้อย
และหนึ่งในงานวิ่งที่น่าสนใจในปีนี้คือ Captain Colors Run ซึ่งเป็นการวิ่งการกุศลเก็บระยะ เพื่อมอบอุปกรณ์กีฬาและสีทาอาคาร
แก่โรงเรียนระดับประถมศึกษาที่ขาดแคลน ซึ่งปีนี้จัดต่อเนื่องกันเป็นครั้งที่ 3
ในตลาดสีทาบ้าน
หลายคนคงคุ้นหูกับชื่อ “สีกัปตัน” ซึ่งมีอายุแบรนด์กว่า 40 ปี และกิจกรรม Captain Colors Run คืออีกหนึ่งกิจกรรมเพื่อสังคม
ในนามบริษัท กัปตัน โค๊ทติ้ง จำกัด สิ่งที่
Captain Colors Run แตกต่างจากกิจกรรมเพื่อสังคมทั่วไป นั่นคือ
การที่พวกเขาไม่ได้ชักชวนออกมาวิ่ง หรือนำสิ่งของไปให้กับผู้ที่ขาดแคลนธรรมดาๆ แต่ลูกเล่นที่ถูกใช้เพื่อ
Run โปรเจคนี้คือ การให้ใครก็ได้มาร่วมวิ่งเพื่อมอบคะแนนให้กับโรงเรียนที่สมควรจะได้รับของรางวัลมากที่สุด
วรพจน์ สุภิมารส กรรมการผู้จัดการบริษัท กัปตัน โค๊ทติ้ง จำกัด และหนึ่งในผู้คิดค้นโปรเจค Captain Colors Run เล่าว่า ก่อนจะมาเป็น กัปตัน คัลเลอร์ รัน (Captain Colors Run) พวกเขาคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะมอบสิ่งที่จะเกิดประโยชน์กับผู้ที่ขาดแคลนมากที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างการมีส่วนร่วมให้กับตัวแทน ชุมชน และสังคมในระดับภูมิภาค ซึ่งสะท้อนถึงกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์กัปตัน
“ส่วนตัวผมก็เติบโตมาจากการเรียนโรงเรียนรัฐบาล
และคุ้นเคยกับการเห็นโรงเรียนที่ขาดแคลนอุปกรณ์กีฬา เห็นการรอคอยโอกาส
เมื่อเรามาอยู่ในองค์กรที่มีศักยภาพจะช่วยได้
และเรากำลังมองหากิจกรรมที่เหมาะสมอยู่ เราจึงมีไอเดียอยู่ที่ “การวิ่ง” เพราะเป็นกีฬาที่ใครๆก็สามารถร่วมได้
และกีฬานี่แหละที่จะเป็นตัวสร้างคน ทั้งคนที่มาร่วมวิ่งเองที่จะได้พัฒนาศักยภาพ
และโรงเรียนที่จะต่อยอดในการใช้กีฬาในการสร้างบุคลากรของประเทศชาติที่ร่างกายแข็งแรง
สมองแจ่มใส”
การวิ่งของ
Captain
Colors Run จะแตกต่างจากการวิ่งแบบปกติที่ผู้ชนะมักเป็นผู้ที่แข็งแรงและมีความพร้อมมากที่สุด
แต่ Captain Colors Run จะเป็นการวิ่งแบบ Virtual
Run หรือการวิ่งแบบเสมือน ซึ่งนั้นหมายความว่าเราสามารถวิ่งตอนไหนก็ได้
วิ่งเท่าไรก็ได้
โดยไม่มีระยะวิ่งที่ต้องสะสม และบางทีผู้ชนะอาจไม่ใช่เป็นผู้ที่แข็งแรงที่สุด
หากแต่เชื่อมโยงกับผู้คนมากที่สุด โดยกติกาของ Captain
Colors Run ประกอบไปด้วย
1.
ลงทะเบียนออนไลน์ฟรี ผ่าน Line Official
@captaincolorsrun และกรอกข้อมูลส่วนตัว
ระบุอำเภอที่ต้องการมอบอุปกรณ์กีฬา หรือสีทาอาคาร
2.
เริ่มวิ่งเก็บระยะวิ่ง 1 กิโลเมตร เท่ากับ 1
คะแนน
3.
เก็บผลวิ่ง จาก Application ติดตามการวิ่ง ในโทรศัพท์มือถือ หรือ Wristband/Smart watch ดังนี้ Nike Run Club, Map
My Run by Under Armour, Adidas Running App Runtastic, Samsung Health, Garmin
Connect™ App, Strava, Huawei Health, Mi Fit และ Activity
4.
ส่งผลวิ่ง ผ่าน Line Official
@captaincolorsrun เข้าเมนู “ส่งผลวิ่ง” เพื่อนำผลไปประมวลหาผู้ชนะ
วรพจน์
กล่าวถึงที่มาของไอเดียนี้ ว่า การเปิดโอกาสให้ใครก็ได้มาวิ่งถือเป็นการสร้างให้คนเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด
ทั้งยังเป็นการแฝงถึงปรัชญาของการพัฒนาตัวเองและการช่วยเหลือผู้อื่นไปพร้อมๆกัน
เพราะแม้จะวิ่งได้มากที่สุด ไกลที่สุด แข็งแรงที่สุด แต่ผู้ที่ได้รับรางวัล
จะเป็นอำเภอหรือโรงเรียนที่ผู้เข้าร่วมแข่งขันมีความเห็นร่วมกันว่าสมควรจะได้รับรางวัลมากที่สุด
เชื่อมโยงกับผู้วิ่งมากที่สุด
“ลองคิดดูว่าถ้าเราอยากจะมอบอุปกรณ์กีฬา มอบของรางวัลให้กับใคร
เราก็อยากจะให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนที่สุด ซึ่งการจะหาผู้เหมาะสมตรงนี้
ไม่มีใครรู้ดีกว่าคนในชุมชนแน่ๆ เพราะผู้ที่จะเลือกว่าจะให้ใคร
คือนักวิ่งที่อยู่ในการแข่งขันเอง อย่างในการจัดงานเมื่อครั้งที่ 1 และ 2 ที่ผ่านมา
ในลิสต์ผู้ชนะมีโรงเรียนที่อยู่ในถิ่นที่ทุรกันดาร เดินทางลำบาก
ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ของตำรวจตระเวนชายแดน และนั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อเข้าไป ซึ่งเราไม่มีทางรู้เลยว่าโรงเรียนเหล่านี้มีที่ใดอีกบ้าง
แต่เรื่องนี้คนในชุมชนรู้ดีกว่าใคร เพราะตอนที่เขาเริ่มวิ่ง เขาจะเลือกอำเภอ
หรือเลือกโรงเรียนก่อน
แล้วช่วยกันร่วมแรงร่วมใจพาโรงเรียนหรืออำเภอนั้นไปถึงเส้นชัย”
ตัวแทนของกัปตัน
ยังสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาว่า “การจัดงานใน 1-2 ครั้งที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลามอบรางวัล เราใช้เวลาเดินทางไปโรงเรียนมากกว่า
4-6 ชั่วโมง บางพื้นที่การเดินทางไม่สะดวกนัก ในช่วงหน้าฝน
ถนนหนทางจะเละเทะมาก หรือที่ภาคใต้เราไปพบกับโรงเรียนหนึ่งที่มีนักเรียนถึง 80
คน โดยทั้งโรงเรียนมีครู 3 ท่าน นี่คือตัวอย่างของช่องว่างทางสังคม
เราทุกคนรู้ว่าโรงเรียนแบบนี้มีจริงๆ ในประเทศไทย และจากประสบการณ์เรารู้เลยว่ากิจกรรมที่เราทำให้ชุมชนมีส่วนร่วมเช่นนี้
มันถูกต้องแล้ว”
ในเชิงการตลาด
สีกัปตันคือแบรนด์ที่มีความผูกพันกับชุมชนมานาน เนื่องจากช่องทางการขายส่วนใหญ่จะเน้นระบบตัวแทนในภูมิภาค
ซึ่งเติบโตจากการพัฒนาเมืองมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
“เรามีฐานลูกค้าอยู่ทุกส่วนก็จริง ลูกค้าในกรุงเทพ-ปริมณฑล
กับภูมิภาค สัดส่วนไม่ต่างกัน แต่ตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ในภูมิภาคมีผลบวกกับเรามาก
เขาทำให้สีกัปตันเป็นที่รู้จักในชุมชน และยังสร้างการมี Loyalty (ความภักดี) กับแบรนด์ค่อนข้างสูง” กรรมการผู้จัดการบริษัท
กัปตันฯ กล่าวถึงคีย์หลักที่ สีกัปตัน ครองตลาดภูมิภาคและชุมชน
ท่ามกลางแคมเปญเพื่อสังคมและกลยุทธ์การตลาดอื่นๆ
Captain
Colors Run เป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับกลุ่มตัวแทนในพื้นที่มากที่สุด
เพราะเมื่อกิจกรรมถูกตั้งด้วยไอเดียของการแบ่งปันอย่างทั่วถึง ตัวแทนจัดจำหน่ายสีกัปตัน
จะมีส่วนร่วมกับกิจกรรมในชุมชนของตัวเอง ขณะเดียวกันก็สร้างบรรยากาศความเป็น “ทีม”
ซึ่งต้องทุ่มเทสรรพกำลังเพื่อพาอำเภอหรือโรงเรียนที่ตัวเองผูกพันมีรายชื่อในฐานะ “ผู้ชนะ”
“เราเชื่อว่า ทุกคนมีจังหวัด มีอำเภอที่เราผูกพัน
มีความสัมพันธ์กับบ้านเกิด กิจกรรมนี้ทำให้เขาได้ไปรวมตัวกัน พูดถึงเรื่องเดียวกัน
ถ้าทุกคนวิ่งให้กับอำเภอได้ วิ่งให้เด็กที่เขาอยากช่วยได้ เราเชื่อว่าทุกคนอยากจะวิ่ง
นี่จึงเป็นกติกาที่เราต้องเริ่มต้นว่าต้องเลือกว่าจะวิ่งเพื่ออำเภอไหน วันที่ส่งมอบรางวัลให้กับโรงเรียน
วันนั้นไม่ใช่แค่อุปกรณ์กีฬา หรือสีกัปตันเท่านั้น แต่ชาวบ้าน นักธุรกิจในพื้นที่
และตัวแทนจำหน่ายจะเข้ามามีส่วนร่วมได้ ทุกฝ่ายร่วมกันบริจาคเพื่อชุมชนที่เขาเลือก
ผมเองก็เช่นกัน ตอนที่มอบรางวัลให้กับผู้ชนะใน 1-2 ปีแรก
ก็นึกถึงวันที่ตัวเองเป็นเด็กต่างจังหวัดและมีผู้มอบอุปกรณ์กีฬาให้โรงเรียน
ซึ่งอุปกรณ์ที่จะได้ใน Captain Colors Run นี้
จะเป็นลูกฟุตบอล วอลเลย์บอล ฟุตซอล แบตมินตัน ฯลฯ
โดยมีคีย์หลักที่จะเป็นกีฬาซึ่งเล่นเป็นทีม ใครๆก็สามารถร่วมเล่นได้
ไม่จำกัดเพศและวัย” ตัวแทนของกัปตัน
เล่าถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา
ถึงตรงนี้ก็ชัดเจนว่า
Captain
Colors Run คืองานวิ่ง ที่ผู้ชนะไม่ได้เป็นผู้รับรางวัลเอง
หากแต่เป็นการมอบโอกาสและส่งต่อเพื่อให้โรงเรียนที่มีความพร้อมน้อยกว่า และ Captain
Colors Run ครั้งที่ 3 ที่จะมีขึ้นนี้ คือการต่อยอดจากการแข่งขันครั้งที่
1 และ 2 ในปี 2562 และ 2563 ตามลำดับ (ขาดในช่วงปี
2564 จากสถานการณ์โควิด-19)
ทั้งนี้ในปี
2565 สีกัปตันจะมอบอุปกรณ์กีฬาและมอบสีทาอาคาร
ให้แก่โรงเรียนระดับประถมศึกษาที่ขาดแคลนทั่วประเทศ 300 อำเภอ 300 โรงเรียน
รวมมูลค่า 2,500,000 บาท โดยเกณฑ์การคัดเลือกโรงเรียน มีดังนี้
1.
โรงเรียนที่ได้รับมอบอุปกรณ์กีฬา 100 อำเภอ 100 โรงเรียน โรงเรียนละ 10,000 บาท
รวมมูลค่า 1,000,000 บาท คัดเลือกจากอำเภอที่มีผลคะแนนวิ่งรวม ติดอันดับ 1-100
และพิจารณาโรงเรียนในอำเภอที่ติดอันดับ อำเภอละ 1 โรงเรียน
2.
โรงเรียนที่ได้รับมอบสีทาอาคาร หรือ อุปกรณ์กีฬา 200 อำเภอ 200 โรงเรียน แบ่งเป็น
สีทาอาคาร 100 โรงเรียน รวมมูลค่า 1,000,000 บาท และอุปกรณ์กีฬา 100 โรงเรียน
โรงเรียนละ 5,000 บาท รวมมูลค่า 500,000 บาท คัดเลือกจากอำเภอที่มีผลคะแนนวิ่งรวม
ติดอันดับ 101-300 และพิจารณาโรงเรียนในอำเภอที่ติดอันดับ อำเภอละ 1 โรงเรียน โดยให้สิทธิ์โรงเรียนจากอันดับที่ 101
เป็นต้นไป เลือกรับสีทาอาคาร หรือ อุปกรณ์กีฬา เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
ขอสงวนสิทธิ์การเลือกรับสีทาอาคาร หรือ อุปกรณ์กีฬา
เมื่อมีการเลือกรับครบตามจำนวนแล้ว
“โจทย์ในวันนี้คือเราจะทำอย่างไรให้งานวิ่งใหญ่ขึ้น
มีคนอยากเข้ามาร่วมมากขึ้น และทำให้ผู้ที่ไม่เคยวิ่งจะลุกขึ้นมาวิ่งเพื่อใครสักคนหนึ่ง
ขอให้คุณได้วิ่งเถอะ ส่วนที่เหลืออะไรที่ช่วยสังคมได้ กัปตันจะสานต่อภารกิจนั้นเอง” ทีมงานกัปตัน Captain Colors Run กล่าวทิ้งท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น