นายวิรัตน์
เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ
FTI Poll ครั้งที่ 14 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ภายใต้หัวข้อ “สินค้าแพง ค่าครองชีพพุ่ง
จะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไร” พบว่า
ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ และต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
รวมทั้งราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้
และคาดว่าภาวะราคาสินค้าแพงจะยาวนานไป อย่างน้อย 3 เดือน หรืออาจยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้
หากราคาพลังงานยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ซึ่งผู้ประกอบการสามารถตรึงราคาสินค้าได้อีกแค่
1 – 2 เดือนเท่านั้น ดังนั้น จึงเสนอขอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนโดยการลด
ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำประปา, ค่าเดินทาง รวมทั้ง ลดภาระภาษีและค่าธรรมเนียม
เช่น
ภาษีสรรพสามิตเชื้อเพลิง และสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพอื่นๆ
เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในช่วงนี้ นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังคาดว่า
อัตราเงินเฟ้อในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในกรอบ 2 – 4 เปอร์เซ็นต์
จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 150 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก
45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 14 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้
1. ปัจจัยใดส่งผลกระทบทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้
อันดับที่ 1 : ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ
และต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 76.7%
อันดับที่ 2 : ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น 74.0%
อันดับที่ 3 : ค่าขนส่งที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง 63.3%
อันดับที่ 4 : ปัญหาขาดแคลนแรงงาน
และภาระค่าใช้จ่ายด้านแรงงานที่เพิ่มขึ้น 51.3%
2. ภาวะราคาสินค้าแพงจะยาวนานแค่ไหน
อันดับที่ 1 : 3 - 6 เดือน 35.3%
อันดับที่ 2 : 6 - 12 เดือน 34.7%
อันดับที่ 3 : มากกว่า 1 ปี 30.0%
3. มาตรการใดมีประสิทธิภาพในการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน
อันดับที่ 1
: ลดค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำประปา,
ค่าเดินทาง 75.3%
อันดับที่ 2 : ลดภาระภาษีและค่าธรรมเนียม
เช่น ภาษีสรรพสามิตเชื้อเพลิง 74.7%
และสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพอื่นๆ
อันดับที่ 3 : ตรึงราคาน้ำมัน
ไม่ให้มีผลต่อต้นทุนสินค้า 66.0%
อันดับที่ 4 : มาตรการใช้จ่ายลดค่าครองชีพ
เช่น คนละครึ่ง 59.3%
4. ภาคเอกชนจะช่วยเหลือประชาชนในการตรึงราคาสินค้าไม่ให้ปรับขึ้นได้นานเท่าไร
อันดับที่ 1 : 1 - 2 เดือน 40.0%
อันดับที่ 2 : 3 - 4
เดือน 30.7%
อันดับที่ 3 : มากกว่า 6 เดือน 16.7%
อันดับที่ 4 : 5 - 6
เดือน 12.6%
5. เอกชนควรปรับตัวรับมือกับกำลังซื้อของภาคครัวเรือนที่ชะลอตัวอย่างไร
อันดับที่ 1 : นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต 77.3%
และการพัฒนาผลิตภัณฑ์
อันดับที่ 2 : นำระบบบริหารจัดการมาช่วยในการลดต้นทุนการผลิต 61.3%
เช่น LEAN, ไคเซ็น
อันดับที่ 3 : ปรับกลยุทธ์เน้นตลาดต่างประเทศ
และการแสวงหาตลาดส่งออกใหม่ๆ 54.0%
อันดับที่ 4 : เพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านตลาดออนไลน์ 50.0%
6. อัตราเงินเฟ้อของไทยในปี
2565 จะอยู่ในระดับใด
อันดับที่ 1 : เพิ่มขึ้น 2 - 4 % 58.0%
อันดับที่ 2 : เพิ่มขึ้นมากกว่า 4% 23.3%
อันดับที่ 3 : เพิ่มขึ้นไม่เกิน 2% 18.7%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น