กลุ่มบริษัทจีเอเบิล (G-Able) ผู้นำด้าน "Tech Enabler" ที่ช่วยยกระดับธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลในทุกมิติ ประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2565 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะ “Reshaping The Next” ยกระดับจาก System Integration Plus Plus: SI++ ก้าวสู่การเป็น "Tech Enabler" ผู้นำศักยภาพความพร้อมทางเทคโนโลยีทุกด้านเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและมีความปลอดภัยจากภัยไซเบอร์ในโลกยุคดิจิทัล พร้อมตอกย้ำความสำเร็จที่ผ่านมาด้วยตัวเลขยอดขาย รายได้ และกำไรที่เติบโตต่อเนื่องกว่าเท่าตัว พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 10,000 ล้านบาทใน 5 ปี
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทจีเอเบิล กล่าวว่า “ปี 2564
เป็นปีที่จีเอเบิลประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งยอดขายและรายได้ในทุกพอร์ตฟอลิโอโดยกลุ่มโซลูชัน
G Security ของบริษัทฯ ขยายตัวเกินความคาดหมาย
ด้วยยอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น
(CAGR) 42% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการตอกย้ำจุดยืนของจีเอเบิลในฐานะผู้นำทางด้าน Cybersecurity ของประเทศไทย
ส่วนกลุ่มโซลูชัน G Cloud มีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ถึง 33% ในช่วง 3 ปีเช่นกัน และกลุ่มโซลูชัน
G Big Data เติบโตขึ้น 33% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ G Digital Product ก็เติบโตขึ้นถึง 76% ในระยะเวลาเดียวกัน
ซึ่งทั้งหมดนี้ ส่งผลให้กำไรของจีเอเบิลสูงขึ้น และมีกำไรขั้นต้น (GP) สูงขึ้นถึงเกือบ 200 BPS ในปี
2564 นี่คือความสำเร็จในส่วนของธุรกิจหลักของจีเอเบิล ซึ่งถือว่าเป็น
cash cow และฐานรากที่สำคัญ”
“ความสำเร็จและการเติบโตดังกล่าวเป็นไปตามแผนธุรกิจตามกลยุทธ์
G-Able Tree ที่เราได้ประกาศไว้ในปีที่แล้ว ซึ่งเราเปรียบธุรกิจของจีเอเบิลเหมือนต้นไม้ที่มีธุรกิจหลักเป็นรากอันมั่นคง
และแตกแขนงกิ่งก้านอย่างแข็งแรงเป็นธุรกิจ Startup นอกจากนี้ ความมุ่งมั่นของเราที่จะ
“Reshaping
the Next” หรือการสร้างการเติบโตจากโอกาสที่มีอยู่ในตลาดที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
ประกอบกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่ชัดเจน พร้อมกับการมีผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี
ทำให้เราสามารถช่วยยกระดับลูกค้าในหลายอุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจดิจิทัลที่พร้อมสำหรับอนาคต” ดร.ชัยยุทธกล่าว
จากความสำเร็จในปีที่ผ่านมาและเทรนด์ของธุรกิจไอทีทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น
จีเอเบิลยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ G-Able Tree
อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างจุดเด่นและความแตกต่างในการให้บริการ ภายใต้วิสัยทัศน์ในการดำเนินงานดังนี้
กลยุทธ์ที่ 1 ซึ่งเป็น Core business ที่เปรียบเหมือนฐานรากของต้นไม้ โดยบริษัทฯ
ได้ยกระดับจากการเป็น SI++
สู่ "Tech Enabler" ซึ่งจะนำศักยภาพความพร้อมทางเทคโนโลยีในทุกด้าน
ไปช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและต่อยอดโอกาสทางธุรกิจในโลกดิจิทัลให้กับลูกค้า
อีกทั้งความสามารถในรับมือกับวิกฤติในอนาคตด้วยเทคโนโลยีที่มี
ความปลอดภัยและยืดหยุ่น ซึ่งในปีนี้ จีเอเบิล จะมุ่งเน้นกลุ่มโซลูชัน G
Securityและ G Cloud
·
กลุ่มโซลูชัน G Security มุ่งเน้นคอนเซ็ปต์และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่าง Cybersecurity Mesh Architecture และ Zero Trust Network Access โดยบริษัทฯ วางแผนเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าทุกระดับตั้งแต่ขนาดกลางถึงขนาดเล็ก
สามารถเข้าถึง โซลูชันที่ล้ำสมัย เพื่อปกป้องระบบและข้อมูลจากภัยไซเบอร์ ด้วยต้นทุนที่จับต้องได้
พร้อมกันนี้
จีเอเบิลมีแผนการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อร่วมพัฒนาโซลูชันให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
พร้อมขึ้นเป็นผู้นำด้าน Cybersecurity อันดับ1 ของประเทศไทยที่มียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท และคาดว่าจะขยายธุรกิจให้เติบโตกว่าเท่าตัว
ภายใน 3 ปี
·
กลุ่มโซลูชัน G Cloud ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของธุรกิจใน VUCA World โลกยุคใหม่ที่มี
ความผันผวน (Volatility) ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ความซับซ้อน (Complexity) และคลุมเครือ (Ambiguity) ซึ่ง Cloud Technology จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
มีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมให้พนักงานของทุกองค์กรธุรกิจทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา โดย
จีเอเบิล เป็นหนึ่งในผู้นำด้านคลาวด์เทคโนโลยีรายใหญ่ในประเทศไทย และตั้งเป้าการเติบโตประมาณ
400 ล้านบาทในปี 2565
·
กลุ่ม Advance Integration Solution เป็นการนำเอาโซลูชันต่างๆ เช่น Digital Product Development Solution, Business Intelligence, Data
Analytics และเทคโนโลยีอื่น ๆ มาเสริมแกร่งซึ่งกันและกันเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้แก่ลูกค้า
โดยคาดการเติบโตเป็นเลข 2 หลัก
กลยุทธ์ที่ 2 เป็นส่วนของลำต้นไม้ จีเอเบิลจะทำงานควบคู่กับลูกค้าในฐานะ
Business Enabler โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เรื่อง Data Modernization ที่บริษัทฯ จะผสานจุดแข็งของธุรกิจลูกค้าเข้ากับจุดแข็งทางเทคโนโลยีของจีเอเบิล
เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกัน
กลยุทธ์ที่ 3 เปรียบเสมือนกิ่งก้านของต้นไม้ บริษัทฯ มุ่งเสริมแกร่งด้วยกลุ่มธุรกิจ Tech Spin-off ซึ่งเป็นกลุ่ม Startup
ของจีเอเบิลที่ต่อยอดมาจากกลยุทธ์ Own IP Platform หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ลิขสิทธิ์ของจีเอเบิล ในปีที่แล้ว ควบคู่ไปกับการเพิ่มมูลค่าธุรกิจสูงสุดในแต่ละ
Startup รวมถึงเป็นการสร้าง
new S-Curve ให้กับจีเอเบิลด้วย โดยทั้ง
3 บริษัทสตาร์ทอัพหลัก ได้แก่ Blendata, InsightEra และ
MVerge จะเป็นตัวช่วยเร่งการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้แก่กลุ่มบริษัท
·
Blendata
(เบลนเดต้า) มุ่งพัฒนา Blendata
platform ที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมดขององค์กรมาไว้ที่เดียว เพื่อให้การใช้งานและจัดการกับข้อมูลมีประสิทธิภาพสูงสุด
นำมาประมวลผลและวิเคราะห์สำหรับต่อยอดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต และในปี 2565 เบลนเดต้ามุ่งพัฒนา
Ready to use Artificial Intelligence (AI) และ Machine
Learning Solution ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถใช้ Big Data ได้มีประสิทธิผลมากขึ้น
พร้อมทั้งยกระดับความเร็วเหนือกว่าคู่แข่งและการใช้ง่ายที่เข้าถึงได้ทุกเวลาที่ต้องการ
นอกจากนี้ยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก
2 ตัว ซึ่งตั้งเป้าการเติบโตกว่าเท่าตัวในปีนี้
·
InsightEra
(อินไซท์เอรา) นำเสนอ MARTECH ( Marketing Technology) ซึ่งเป็น
platform ใหม่ของการตลาด
ที่ช่วยให้องค์กรแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล ช่วยให้ลูกค้าสามารถจับพฤติกรรมใหม่ ๆ
ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยให้ความสำคัญที่ “ความเร็ว” และ “ความแม่นยำ” เป็นหลัก ทำให้ธุรกิจสามารถตอบสนองตลาดได้แบบ
real-time และตรงความต้องการผู้บริโภคอย่างแท้จริง
ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถกำหนดและปรับกลยุทธ์การตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ส่งผลให้ลูกค้าเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
ทั้งนี้ InsightEra ตั้งเป้าการเติบโตมากกว่า 100% ในปีนี้
·
MVerge
(เอ็มเวิร์จ) มุ่งพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการและเทรนด์ของตลาด
ในยุคดิจิทัล โดย MVerge
ได้พัฒนา platform ตัวใหม่ชื่อว่า “SPACE” ซึ่งเป็นการนำ Advance Technology
มาช่วยในการบริหารจัดการพื้นที่ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือน โดยช่วยจำลองสถานที่
กำหนดพื้นที่ให้ผู้เช่า ออกแบบร้านค้าและโฆษณา อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสให้ร้านค้าเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้นด้วยคอนเซ็ปต์
Omnichannel ที่เชื่อมร้านค้าทั้งโลกจริงและโลกเสมือนอย่างไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ยังสามารถนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ เพื่อให้เห็นแนวทางการตัดสินใจและความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ
โดยคาดว่า MVerge จะเติบโตได้มากกว่าเท่าตัวและเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในตลาด
นอกจาก
3 กลยุทธ์หลักที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัทจีเอเบิลแล้ว บริษัทฯ ยังมีแบ็คล็อก
(backlog) หรือยอดขาย
ที่รอการรับรู้รายได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเติบโตยอดขายหนึ่งเท่าตัว
จาก 5,000 ล้านบาท เป็น 10,000
ล้านบาทภายใน 5 ปี
“ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจ Tech Spin-off เรามั่นใจว่าจีเอเบิลจะเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อม “Reshaping
the Next” เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ
และสนับสนุนลูกค้าของเราให้สามารถแข่งขันในโลกดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งได้รับการป้องกันจากภัยไซเบอร์และมีความยืดหยุ่นในธุรกิจ
ซึ่งทั้งหมดคือเป้าหมายที่เราจะไป
ให้สำเร็จใน 5 ปี” ดร.ชัยยุทธ กล่าว
กลุ่มบริษัทจีเอเบิล
กลุ่มบริษัทจีเอเบิล ผู้นำด้าน "Tech Enabler" ที่ช่วยยกระดับธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลในทุกมิติ
ด้วยประสบการณ์กว่า 33 ปี บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ
ทางด้านการบูรณาการและนำเสนอโซลูชันที่สามารถตอบสนองความต้องการขององค์กรธุรกิจ
ให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและสร้างโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจ
จีเอเบิลมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนลูกค้าในการทรานส์ฟอร์มองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง
และก้าวสู่ความสำเร็จขององค์กรตามเป้าหมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.g-able.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น