·
ซีเค
พาวเวอร์ ประสบความสำเร็จต่อเนื่อง ล่าสุด เข้ารับรางวัลสำคัญของตลาดทุนไทย
·
ตอกย้ำผลสำเร็จของความมุ่งมั่นสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนตามแนวทางของเศรษฐกิจ
สิ่งแวดล้อม สังคม รวมถึงบรรษัทภิบาล
กรุงเทพฯ (31
ต.ค. 65) – บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower
(ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดและมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ต่ำที่สุดรายหนึ่ง ของภูมิภาค เข้ารับมอบรางวัลสำคัญแห่งปี
SET Awards 2022 ประเภทรางวัล Rising Star Sustainability Awards กลุ่มรางวัลด้านความยั่งยืน (Sustainability Excellence) ประจำปี 2565 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมด้วยวารสารการเงินธนาคาร สะท้อนความมุ่งมั่น ของบริษัทที่มุ่งเป้าการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น
อีกทั้งใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมไฟฟ้าเข้าไปมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมคุณภาพ เพิ่มการเข้าถึงพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ห่างไกล
ตามหลักการดำเนินธุรกิจของ CKPower
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “รางวัล SET Awards 2022 กลุ่ม Rising Star Sustainability Awards หรือรางวัลด้านความยั่งยืนประจำปี 2565 นี้
นับเป็นรางวัลสำคัญแห่งความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่รางวัลหนึ่ง ที่เราได้รับจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
พิสูจน์ถึงความมุ่งมั่น การทุ่มเทในการทำงานอย่างหนักของ CKPower ในมิติเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม รวมถึง ESG (Environmental, Social and Governance) เพื่อนำพาองค์กรก้าวไปสู่
การเติบโตอย่างยั่งยืน และสมดุล ท่ามกลางสภาวะแรงกดดันทางเศรษฐกิจหลากหลายด้าน”
นายธนวัฒน์
กล่าวเสริมว่า “สำหรับโจทย์ความท้าทายในธุรกิจพลังงานที่ต้องนำพาองค์กรฝ่าวิกฤต
ไปให้ได้ คือ แนวโน้มธุรกิจพลังงานระดับโลก ที่พบปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพอากาศ
และการตอบรับเป้าหมายระดับชาติเพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่ง CKPower เราตระหนักถึงปัจจัยต่างๆ
เหล่านี้เป็นอย่างมาก โดยได้ตั้งเป้าในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนซึ่งเป็นพลังงานสะอาดในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตลอดจนการทำงานในทุกขั้นตอนเพื่อ
มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศไทยที่ตั้งไว้ในปี
พ.ศ. 2608”
ในบริบทของการดูแลสังคมภายนอก CKPower ได้ดำเนินโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม
ชุมชน และสังคม
ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศผ่านโครงการหิ่งห้อยที่จัดทำอย่างต่อเนื่องกว่า 6 ปี โดยมีจุดมุ่งหมายในการ “เติม-ต่อ-ร่วม-สร้าง” สร้างคุณค่าที่ดีสอดคล้องกับวิถีชุมชน
ให้กับชุมชนในพื้นที่โดยรอบโรงไฟฟ้าและพื้นที่ห่างไกล ทั้งในประเทศไทย และ สปป.ลาว
การดำเนินงานโครงการหิ่งห้อยถึงปัจจุบัน CKPower ได้สร้างสาธารณประโยชน์ต่างๆ
ทั้งในประเทศไทย และ สปป.ลาว ตามวิถีชุมชนถึง 40 สิ่งปลูกสร้าง เด็กและเยาวชนเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวันได้ราว 1,700 คน ใน 8 ชุมชน และขยายผลต่อยอด
สู่การลงมือทำจากรุ่นสู่รุ่น
เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนให้กับชุมชนและสังคมถึง 7 แหล่งเรียนรู้ อาทิ กังหันน้ำผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก อาคารเรียนพลังงานแสงอาทิตย์
บ่อเก็บน้ำพร้อมระบบสูบน้ำจากพลังงานแสงอาทิตย์ ระบบไฟส่องสว่างถนนพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านการร่วมแรงร่วมใจของจิตอาสา
CKPower ราว 800 คน ผสานภาคีเครือข่าย 16 องค์กร
“CKPower ยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้เป้าหมายของการร่วมสร้างอุตสาหกรรมพลังงานให้มีความมั่นคงและยั่งยืน
ไม่ว่าจะเป็นการผลิต จำหน่าย จัดทำโครงสร้างพื้นฐาน ที่มุ่งเน้นการผลิตไฟฟ้าได้จากพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน
โดยปัจจุบัน CKPower มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอยู่ประมาณ 89% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด และตั้งเป้าว่าภายในระยะเวลา 5 ปี จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 95% นอกจากนี้
ยังมีการดำเนินธุรกิจที่รัดกุม
และยืดหยุ่นตอบรับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ
ในอนาคต ควบคู่ไปกับการดูแลสังคม
ชุมชน ด้วยการพัฒนากลยุทธ์ทางด้านความรับผิดชอบต่อสังคม
ผ่านโครงการหิ่งห้อยซึ่งจะช่วยสร้างระบบนิเวศให้ชุมชนด้วยไฟฟ้าหมุนเวียนในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพและยกระดับมาตรฐานและสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว” นายธนวัฒน์ กล่าว
CKPower ยังได้รับการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เป็นหุ้นยั่งยืน
ประจำปี 2565
หรือ Thailand
Sustainability Investment (THSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่
3 ซึ่งได้ทำการมอบโล่ประกาศ
เกียรติคุณดังกล่าวไปเมื่อเร็วๆ นี้ อีกทั้งยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่ทำคะแนนประเมิน
ตามโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ผลการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน (CGR) ประจำปี 2565 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
(IOD) ในระดับ “ดีเลิศ” (Excellent) เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน
สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้ความสำคัญในประเด็นด้านความยั่งยืน
ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล พร้อมทั้งยึดหลักการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส
และคำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย สอดคล้องกับความคาดหวังของนักลงทุน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น