วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม 2566 นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่
1) การแก้ไขปัญหาต้นทุนพลั งงานและการสร้างเสถียรภาพด้ านพลังงานให้แก่ประเทศ 2) การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่ งขันของภาคอุตสาหกรรม 3) การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่ น 4) การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ในภาคธุรกิจ และการส่งเสริมผู้ประกอบการ SME 5) การแก้ไขปัญหาโลกร้อน Climate change มาตรการกีดกันทางการค้า และการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งในแต่ละเรื่อง ส.อ.ท. ได้มีการสำรวจความเห็นเจาะลึ กในแต่ละประเด็นนโยบายย่อย เพื่อเป็นโจทย์ให้กับพรรคการเมื องที่มีการหาเสียงอยู่ในขณะนี้ นำไปใช้เป็ นกรอบในการกำหนดนโยบายการขั บเคลื่อนภาคอุ ตสาหกรรมของประเทศในอนาคตต่อไป
จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 255 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 26 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้
1. รัฐบาลใหม่ควรให้ความสำคัญกั บนโยบายในการขับเคลื่อนภาคอุ ตสาหกรรมเรื่องใด (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : การแก้ไขปัญหาต้นทุนพลังงาน และการสร้างเสถียรภาพ 81.6%
ด้านพลังงานให้แก่ประเทศ
อันดับที่ 2 : การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่ งขันของภาคอุตสาหกรรม 77.3%
อันดับที่ 3 : การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่ น 70.6%
อันดับที่ 4 : การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ในภาคธุรกิจ และการส่งเสริมผู้ประกอบการ SME 52.5%
อันดับที่ 5 : การแก้ไขปัญหาโลกร้อน Climate change มาตรการกีดกันทางการค้า 47.8%
และการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม
2. นโยบายใดช่วยแก้ไขปัญหาต้นทุ นพลังงาน และการสร้างเสถียรภาพด้านพลั งงานให้แก่ประเทศ (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : เร่งเปิดเสรีพลังงานทางเลือก ส่งเสริมการลงทุนผลิตไฟฟ้า 72.9%
จากพลังงานหมุนเวียนใช้ เองภายในโรงงาน
อันดับที่ 2 : ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน เช่น ค่าไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ 71.8%
ให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
อันดับที่ 3 : แก้ไขกฎหมายและกฎระเบี ยบจากนโยบายด้านพลังงานให้เป็ นธรรมกับทุกฝ่าย 66.7%
ทั้งประชาชน ผู้ประกอบการภาคผลิตและบริการ รวมถึงผู้ลงทุน
อันดับที่ 4 : เร่งเปิดให้เอกชนสามารถใช้ ระบบส่ง/จำหน่ายไฟฟ้า (Third Party Access) 54.5%
เพื่อนำไปสู่ Net Metering
3. นโยบายใดช่วยเพิ่มขี ดความสามารถในการแข่งขั นของภาคอุตสาหกรรม (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : ส่งเสริมและสนับสนุนการพั ฒนาและนำเทคโนโลยี 71.4%
และนวัตกรรมมาใช้ในการผลิต
อันดับที่ 2 : การส่งเสริมการลงทุนทั้งในอุ ตสาหกรรมเดิมและอุตสาหกรรมเป้ าหมาย 60.0%
S-Curve ในประเทศ เช่น การปรับปรุงสิทธิประโยชน์ทั้ งภาษีและไม่ใช่ภาษี,
การอำนวยความสะดวก, การสนับสนุนด้านการเงิน เป็นต้น
อันดับที่ 3 : ยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงาน Upskill & Reskill 56.9%
และพัฒนาระบบการศึกษาเพื่ อตอบโจทย์ความต้องการกำลั งคนภาคธุรกิจ
อันดับที่ 4 : ส่งเสริมแนวคิด BCG Model เพื่อสร้างมูลค่าให้กั บภาคการเกษตร 55.3%
ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม
4. นโยบายใดช่วยแก้ไขปัญหาการทุ จริตคอรัปชั่น (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : เพิ่มบทลงโทษคนกระทำผิด และปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม 72.5%
ให้มุ่งอำนวยความยุติ ธรรมโดยให้เกิ ดความสะดวกและรวดเร็วเป็นสำคัญ
อันดับที่ 2 : ปรับรูปแบบจากระบบการขออนุมัติ อนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐ 62.4%
มาเป็นการรายงานผลการปฏิบัติ ตามกฎหมาย (Self- Declaration)
และตรวจติดตามผล
อันดับที่ 3 : ขยายผลการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ในการจัดซื้อจัดจ้าง 53.3%
ทุกระดับ เพื่อเปิดให้เอกชนมีส่วนร่วมเข้ าไปสังเกตการณ์และตรวจสอบ
อันดับที่ 4 : มีรางวัลนำจับให้แก่ผู้ที่แจ้ งเบาะแสการทุจริตคอรัปชั่น 50.2%
เพื่อสร้างแนวร่วมในการป้องกั นการทุจริตคอรัปชั่น
5. นโยบายใดช่วยแก้ไขปั ญหาความเหลื่อมล้ำในภาคธุรกิจ และการส่งเสริมผู้ประกอบการ SME (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุ นสำหรับ SME และมาตรการช่วยเหลือต่างๆ 66.7%
อันดับที่ 2 : ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่ อการดำเนินธุรกิจ 65.9%
อันดับที่ 3 : เพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุ นให้แก่ SME ทั้งมาตรการทางภาษี 62.4%
และมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี รวมทั้ง การบริการครบวงจร
อันดับที่ 4 : สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมผ่านธุรกิจ Startup 52.5%
และสนับสนุนให้เกิด Technology transfer แก่ผู้ประกอบการ SME
6. นโยบายใดช่วยรับมือกับปั ญหาโลกร้อน Climate change มาตรการกีดกันทางการค้าและการจั ดการปัญหาสิ่งแวดล้อม (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : ส่งเสริมอุ ตสาหกรรมตามนโยบายเศรษฐกิจหมุ นเวียน (Circular Economy) 73.3%
เพื่อนำของเสียกลับมาสร้างมู ลค่าเพิ่มใหม่
อันดับที่ 2 : สนับสนุนให้ปรับเปลี่ยนพลั งงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรื อนกระจก 66.3%
เช่น โซลาร์ฟาร์ม โซลาร์รูฟท็อป
อันดับที่ 3 : เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริ มโรงงานให้มีการปรับปรุงการผลิต 65.1%
และเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่ มประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊ าซเรือนกระจก
อันดับที่ 4 : ส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็ นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งผู้ใช้ และผู้ผลิต 59.2%
(Eco product, Green label)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น