กลุ่มอวาทาร์ในเกมกลับมาแล้วทุกคน ด้วยความที่เกมถูกทุบทำลายไปในตอนจบของภาคแรก มันก็เลยทำงานไม่ค่อยเป็นปกตินัก ซึ่งหมายความว่าอะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น มันก็ยุ่งละซิงานนี้ ??????? ผู้ที่กลับมาอีกครั้งคือสี่ตัวละครหลักจากภาคที่แล้ว สเปนเซอร์, เบธานีย์, ฟริดจ์และมาร์ธา ผู้ซึ่งตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยแล้วและได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในแบรนท์ฟอร์ดในช่วงวันหยุดปีใหม่ ไม่นานนักเราก็ได้ค้นพบว่าทุกคนรับมือกับช่วงเวลาใหม่ในชีวิตแตกต่างกันไป บางคนก็ไปได้สวยบางคนก็ลำบากกว่าในการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตหลังจากเอาชนะเกมมาได้
สเปนเซอร์และมาร์ธาได้ทดลองมีความสัมพันธ์ระยะไกลที่แสนคลาสสิก แต่ตอนนี้ พวกเขาอยู่ในสถานะที่น่าอึดอัด เพราะมาร์ธากำลังยอมรับความมั่นใจในตัวเองที่เธอได้ค้นพบมาในภาคที่แล้ว ซึ่งมันทำให้สเปนเซอร์ผลักเธอออกไปห่างๆ และหลีกเลี่ยงเธอ ก่อให้เกิดความห่างเหินระหว่างทั้งคู่ สเปนเซอร์เจอกับช่วงเวลายากลำบากใน นิวยอร์ก ซิตี้ สถานการณ์เป็นไปอย่างไม่ราบรื่นนักสำหรับเขาที่โรงเรียน เขาไม่ได้มีความสุข และเขาก็ไม่มั่นใจสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมาร์ธาด้วย สเปนเซอร์กลับบ้านและได้พบว่า ตอนนี้ปู่ของเขาอาศัยอยู่กับแม่ของเขาในบ้านของพวกเขาระหว่างที่เขาพักฟื้น จริงๆ แล้ว คุณปู่เอ็ดดี้ (แดนนี เดอวีโต้) ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในห้องเก่าของเขา ทำให้พวกเขากลายเป็นรูมเมทที่ใกล้ชิดกันมากๆ
เบธานีย์ได้พัฒนาตัวเองจากการเป็นเด็กสาวป็อปปูลาร์ ผู้สนใจแต่เรื่องของตัวเอง เธอได้ดึงเอาความไม่เห็นแก่ตัวของตัวเองออกมา และเธอก็เดินทางไปทั่วโลก เพื่อช่วยเหลือผู้คน และพบความสุขใจจากการได้ช่วยเหลือคนอื่น เธอได้สัมผัสกับโลกจากมุมมองใหม่และมันก็หล่อหลอมแนวทางที่เธอมองชีวิตในปัจจุบันนี้ด้วย ฟริดจ์ได้เปลี่ยนจากการเป็นขาใหญ่สมัยไฮสคูล กลายเป็นขาใหญ่ในสนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัย การทำตัวให้เคยชินกับสถานที่ใหม่ ทีมใหม่และโลกใหม่ เป็นความท้าทายอย่างแน่นอน แต่การปรับตัวให้เข้ากับโลกใบใหม่ก็เป็นสิ่งที่ฟริดจ์เคยเผชิญมาก่อนอยู่แล้วนี่นา
ดร.สโมลเดอร์ เบรฟสโตน
ดร.สโมลเดอร์ เบรฟสโตน (ดเวย์น จอห์นสัน) นักผจญภัยควบนักโบราณคดีผู้กล้าหาญ ฮีโรนักบู๊กล้ามใหญ่กลับมาสู่เกมอีกครั้ง พร้อมด้วยลิสต์จุดแข็งของเขา ที่มีทั้งความกล้าหาญ ความชำนาญในการปีนป่าย ความเร็ว การใช้บูมเมอแรง และความจริงจังหนักแน่นที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขา อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ เขารับหน้าที่เป็นอวาทาร์ของเอ็ดดี้ (แดนนี เดอวีโต้) คุณปู่ของสเปนเซอร์ ในภาคก่อน เขาต้องแสดงบทวัยรุ่นขี้วิตก และตอนนี้ เขาก็ได้เล่นเป็นคนที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ความย้อนแย้งในความสามารถสุดพิเศษของเบรฟสโตนและร่างของดเวย์น จอห์นสันที่ถูกอาศัยโดยชายชราขี้โมโหที่กำลังฟื้นตัวจากการผ่าตัดสะโกส่งผลให้เกิดช่วงเวลาน่าขบขันมากมาย สิ่งที่สร้างเสียงหัวเราะได้เป็นพิเศษคือการที่ได้เห็นเบรฟสโตนเป็นตัวละครของผู้ชายน่าหงุดหงิดจากแอสเบรี ปาร์ค รัฐนิวเจอร์ซีย์
“การถ่ายทอดตัวตนและลักษณะเล็กๆ น้อยๆ ของแดนนี เดอวีโต้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในฐานะนักแสดง ผมมีโอกาสได้ศึกษาเขา ได้ย้อนกลับไปดูหนังและซีรีส์เก่าๆ ของเขาหลายเรื่อง ย้อนกลับไปถึงเรื่อง Taxi ผลงานของเขาวิเศษเหลือเกินครับ มันมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขา ผมได้ใช้เวลาคลุกคลีกับแดนนีและแสดงเป็นเขาอย่างดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ และเขาก็เอื้อเฟื้อมากๆ ผมรู้สึกเยี่ยมมากๆ ที่ได้มาเป็นแดนนี เดอวีโต้ครับ” ดเวย์น จอห์นสัน กล่าว
แจ็ค แบล็ค กลับมารับบทตัวตลกคลายเครียดอีกครั้งในบท ดร.เชลดอน “เชลลี” โอเบรอน “อัจฉริยะตุ๊ต๊ะ” ผู้ซึ่งจุดแข็งของเขาอยู่ที่การเขียนแผนที่ โบราณคดีและบรรพชีวินวิทยา แม้ว่าจุดอ่อนของเขา ทั้งการขาดความอึด และความรู้สึกแขยงความร้อน แสงอาทิตย์และทราย ทำให้เกิดเสียงหัวเราะมากมาย โดยเฉพาะในซีเควนซ์ทะเลทราย แต่จุดแข็งที่เพิ่งได้มาใหม่ของเขาอย่างเรื่องเรขาคณิตก็กลายเป็นสิ่งที่สำคัญต่อสมการในช่วงเวลาสำคัญ
ในภาคก่อนเขาเป็นอวาทาร์ของเบธานีย์ ซึ่งทำให้เกิดความตลกขำขันเมื่อราชินีสาวผู้กังวลในเรื่องภาพลักษณ์ของตัวเองพบว่าตัวเองต้องมาใช้ร่างของ “ชายอ้วนวัยกลางคน” ตามที่เธอพูดถึง ในครั้งนี้ ดร.โอเบรอนเป็นอวาทาร์ของฟริดจ์ ซึ่งช่วยสร้างเสียงหัวเราะใหม่ๆ เมื่อนักกีฬาร่างยักษ์ต้องมาอยู่ในร่างของคนที่มีขีดจำกัดทางร่างกายมากกว่าที่เขาคุ้นเคย ความหงุดหงิดของฟริดจ์ที่ต้องใช้อวาทาร์โอเบรอนและการระเบิดอารมณ์บ่อยๆ ของเขาทำให้เกิดเสียงหัวเราะท้องคัดท้องแข็งเมื่อแบล็คได้ปล่อยมุขแบบไม่ยั้ง ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบไหนหรือคนที่ใช้ร่างของเขาจะเป็นคนไหนก็ตาม
แบล็คตื่นเต้นที่ได้กลับมาเล่นเกมนี้อีกครั้งหนึ่ง “ผมตื่นเต้นที่ได้แก๊งนี้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง รู้มั้ยมันเป็นเรื่องของเคมีครับ นั่นเป็นหนึ่งในส่วนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหนังเรื่องนี้และเจคก็มีสายตาเฉียบคมในเรื่องเคมี เขารู้วิธีที่จะดึงเราทุกคนมารวมตัวกันและเพิ่มคนนั้นคนนี้เข้าไปในส่วนผสม ซึ่งให้ตายเหอะ มันสนุกจริงๆ เมื่อได้เคมีที่เข้ากันแล้ว คุณก็จะรู้สึกถึงมันได้ และผมก็รู้สึกถึงมันได้จริงๆ ในกองถ่าย ผมมองไปรอบๆ และคิดว่า ‘ให้ตายเหอะ เราเป็นทีมเดียวกัน เราชนะแน่!’ น่ะครับ” แบล็คกล่าว
“อย่างที่คุณรู้แหละครับว่าเกม Jumanji ไม่ใช่แค่เพื่อความบันเทิง มันจะมีการเติบโตบางอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นเพราะในหลายๆ แง่มุมแล้ว การเดินทางของ Jumanji ก็คือการเดินทางของชีวิต และผมคิดว่าพวกตัวละครก็ยังจะต้องเติบโตขึ้นอีกมาก” ตามความคิดของแบล็ค การได้กลับไปในเกมไม่ได้หมายความว่าตัวละครจะแค่เล่นสนุกเท่านั้น เขาอธิบายในเชิงปรัชญานิดๆ ซึ่งก็เข้ากับลักษณะนิสัยของดร.โอเบรอน ที่มักจะแสดงหลักวิชาการดีๆ ออกมาเสมอ
รูบี้ ราวน์เฮาส์ อีกครั้งหนึ่งแล้วที่ รูบี้ ราวน์เฮาส์ (คาเรน กิลเลน) สาวทรงสะบึม ปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ เป็นอวาทาร์ของมาร์ธา จุดแข็งที่มีอยู่ของเธอรวมถึงคาราเต้, ไท้เก็กและอาคิโด รวมถึงฝีมือการเต้นที่น่าประทับใจของเธอ ในครั้งนี้ เธอได้เพิ่มการใช้กระบองสองท่อนเข้าไปในจุดแข็งของตัวเองด้วย แต่เธอก็ยังคงมีจุดอ่อนเดียวเหมือนเดิม นั่นคือสัตว์มีพิษ
“สาวนักพิฆาตหนุ่ม” ผู้คล่องแคล่วคนนี้พบว่าตัวเองได้รับบทที่สำคัญมากขึ้นในกลุ่มของอวาทาร์ที่มีการสลับคู่กัน ในภาคก่อน รูบี้ช่วยให้มาร์ธาค้นพบพลังและความเข้มแข็งภายในตัวเอง “มาร์ธาเปลี่ยนแปลงไปมากนับตั้งแต่ภาคที่แล้ว เธอฉลาดอย่างเหลือเชื่อ แต่ยังคงรักการอ่านหนังสือ เป็นคนเงียบๆ และเข้าสังคมไม่เก่ง ตอนนี้ เธออยู่ในร่างอวาทาร์ที่เธอรู้วิธีใช้ และภายในเวลาอันรวดเร็ว เธอก็ตระหนักได้ว่าเธอเป็นคนที่มีความสามารถมากกว่าใครๆ และเธอก็กลายเป็นหัวหน้าแก๊ง ที่ช่วยพวกเขาตะลุยเกมค่ะ” กิลเลนอธิบาย
การสวมรองเท้าบู๊ของรูบี้อีกครั้งบีบให้มาร์ธาต้องก้าวพ้นจากขอบเขตที่เธอสบายใจมากขึ้นไปอีก“มาร์ธาเปลี่ยน ไป เธอไปเรียนมหาวิทยาลัย เธอมีกลุ่มเพื่อนเจ๋งๆกลุ่มใหม่ มีทรงผมใหม่ เจาะจมูก และเธอก็มีชื่อเล่นใหม่ เธอก็เลยเหมือนกลายเป็นอีกคนที่เธอยังไม่รู้สึกคุ้นเคยกับมันดีนัก เธอก็เลยรู้สึกเหมือนเป็นคนหลอกลวงหน่อยๆ เหมือนกับเธอกำลังรับบทคนอื่น เป็นเด็กมหามหาวิทยาลัยเจ๋งๆ คนนี้น่ะค่ะ” กิลเลนกล่าว “ตอนที่เธอก้าวกลับเข้าไปในเกม เธอก็พัฒนาขึ้นจากภาคที่แล้ว แต่การเดินทางของเธอเป็นเรื่องของการหาทางกลับไปสู่ตัวเธอเอง ตัวตนที่เธอเป็นจริงๆ และฉันคิดว่านั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เกมให้เธอใช้อวาทาร์ตัวเดิม เพื่อเตือนให้เธอนึกได้ว่าตัวเองเป็นใครน่ะค่ะ”
มาร์ธาเป็นคนแรกที่อาสากลับเข้าไปในเกมเพื่อช่วยสเปนเซอร์ ตามที่กิลเลนอธิบายไว้ว่า “มาร์ธาและสเปนเซอร์มีเรื่องที่ยังไม่ได้สะสางกันเยอะค่ะ พวกเขาไปเรียนมหาวิทยาลัย ทำให้ชีวิตของทั้งคู่ต้องแยกจากกัน และพวกเขาก็อยู่ในสถานะถอยห่างจากกันในตอนที่พวกเขากลับเข้าไปในเกมครั้งแรก ทั้งคู่อยากจะรื้อฟื้นความ สัมพันธ์กันจริงๆ แต่ไม่มีใครรู้ว่าใครจะเป็นคนเริ่มต้นก่อน และไม่รู้ว่าอีกคนจะต้องการแบบนั้นรึเปล่า”
“คาเรนที่รับบทมาร์ธา/รูบี้กลายเป็นแกนหลักของหนังเรื่องนี้ ในแบบที่ผมคิดว่าคนคงไม่คาดคิด เมื่อสเปนเซอร์หายตัวไป ก็เลยกลายเป็นหน้าที่ของมาร์ธาที่จะเป็นผู้นำทีมในการดำเนินเรื่องส่วนใหญ่ และเธอก็ก้าวสู่บทบาทนั้นได้อย่างยอดเยี่ยม ผมรักในสิ่งที่เธอทำในหนังเรื่องนี้มาก” มือเขียนบทร่วมและผู้กำกับ เจค คัสแดน กล่าว
“ฉันคิดว่าโดยส่วนใหญ่แล้วหนังเรื่องนี้เป็นการเติมเต็มความฝันสำหรับทุกคนที่ดูค่ะฉันคิดว่าเราทุกคนต่างก็เคยมีประสบการณ์การอยากจะเป็นคนอื่นและการได้รู้ว่ามันให้ความรู้สึกยังไง ฉันคิดว่าการอยู่ในร่างของคนอื่นจะทำให้คุณค้นพบอะไรๆ เกี่ยวกับตัวเอง นอกจากนั้น คุณยังได้รับสิทธิในการทำสิ่งเพี้ยนๆ สุดโต่งทั้งหลายที่คุณมักจะไม่ทำตามปกติ ฉันตื่นเต้นมากๆ ที่ผู้ชมจะได้เห็นนักแสดงทั้งหมดนี้รับบทตัวละครที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ฉันชอบมาร์ธามากและการได้รับบทเด็กสาวผู้รู้สึกอึดอัดก็เป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติมากๆ สำหรับฉันค่ะ” กิลเลนกล่าว “
เมาส์ ฟินบาร์
เมาส์ ฟินบาร์ (เควิน ฮาร์ท) นักสัตววิทยาและผู้เชี่ยวชาญอาวุธร่างจิ๋ว กลับมาอีกครั้งพร้อมกับผ้าคาดหัวสีแดงและเป้สะพายหลังใบโตที่เต็มไปด้วยอาวุธ อันเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา ในเกมเลเวลนี้ ทักษะใหม่ในการใช้ภาษาของเขากลายเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยพวกเขาให้ฝ่าฟันอุปสรรคร้ายแรงบางประการไปได้ จุดอ่อนของฟินบาร์รวมถึงความเชื่องช้า พละกำลังที่อ่อนด้อยและความชื่นชอบเค้ก ในครั้งนี้ เขากลายเป็นอวาทาร์ให้กับไมโล (แดนนี โกลเวอร์) อดีตหุ้นส่วนทางธุรกิจและเพื่อนที่ห่างเหินกันไปของเอ็ดดี้
สไตล์การปล่อยมุขแบบรัวเป็นปืนกลอันเป็นเอกลักษณ์ของ เควิน ฮาร์ท ถูกแทนที่ด้วยสไตล์การดำเนินเรื่องที่คดเคี้ยวเลี้ยวลดและเฉยชาของไมโล ส่งผลให้เกิดเสียงหัวเราะดังสนั่นเมื่อเขาแสดงอากัปกิริยาและพูดด้วยจังหวะจะโคนแบบแดนนี โกลเวอร์ คำอธิบายเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ ของเขาทำให้เกิดเชิงอรรถที่แสนขบขันตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่าเขามักจะแปลกใจว่าตัวเองรู้ข้อมูลพวกนี้ได้อย่างไรก็ตาม เขายังไม่เข้าใจดีว่าเขาถูกส่งตัวเข้ามาอยู่ในเกม ทำให้เขาตั้งคำถามอยู่เสมอๆ เช่นว่า (“นี่ฉันตายแล้วกลายเป็นลูกเสือจิ๋วกล้ามใหญ่รึเปล่า”) และเขาก็มักจะเข้าใจสถานการณ์อันตรายที่พวกเขาเผชิญแบบผิดๆ เสมอด้วย
“คุณจะได้เห็นเมาส์ ฟินบาร์แสดงท่าทีแบบสุภาพบุรุษสูงอายุ โดยมีผมเป็นแดนนี โกลเวอร์ เวอร์ชันอายุมากกว่าของแดนนี โกลเวอร์ในหนังทำให้ผมระเบิดหัวเราะออกมาเลยเพราะเขานิ่งมากๆ ทุกอย่างที่เขาพูดเต็มไปด้วยความสุข ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องสนุกๆ ให้เล่นได้ เหมือนชายชราคนนั้นที่ปล่อยตัวตามสบายมากกว่า เพราะผมจะแหกปากโวยวายตลอดเวลาเลยครับ” ฮาร์ทพูดถึงการแสดงของเขา
“ไอเดียของการคิดตัวละครสำหรับเควินที่เปลี่ยนแปลงพลังงานอย่างที่คุณคุ้นชินว่าออกมาจากเขาดูเหมือนจะเป็นโอกาสสำหรับคอเมดีเยี่ยมๆ ครับ เขาทั้งตลกและสบายๆ และเราก็มีความคาดหวังอย่างมากกับสิ่งที่เขาทำเพราะเขามีคุณสมบัติในการแสดงคอเมดีอย่างเต็มเปี่ยม” มือเขียนบทร่วมและ ผู้กำกับเจค คัสแดนกล่าว “สิ่งที่ผมคิดได้ในภาคแรกคือเขาเป็นนักแสดงที่วิเศษสุดและเขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงการแสดงของตัวเองได้มากกว่าที่คนคาดคิดเอาไว้ การได้เห็นเขารับบทเป็นชายชราที่อ่อนโยน พูดจาเนิบนาบ ดูเหมือนจะเป็นมุขที่ไม่ธรรมดา แต่ถ้าเราทำได้ล่ะก็ มันก็จะตลกอย่างวิเศษสุด และผมคิดว่า เควินก็ได้แรงบันดาลใจในหนังเรื่องนี้ และการได้ทำแบบนั้นกับพวกเขาก็เป็นเรื่องสนุกจริงๆ ครับ”
เบธานีย์ เบธานีย์เองก็กลับเข้าไปในเกมอีกเหมือนกัน แม้ว่าจะเป็นในรูปแบบที่ไม่คาดฝันที่สุดก็ตาม ตอนที่เธอตระหนักว่าคนอื่นๆ ได้กลับเข้าไปในเกมแล้ว เธอก็ไปหาอเล็กซ์เพื่อขอร้องให้เขากลับเข้าไปกลับเธอเพื่อร่วมมือในภารกิจช่วยคน ด้วยการต่อยอดจากความสัมพันธ์พิเศษที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาในภาคแรก พวกเขาได้ร่วมมือกันในแบบที่ไม่มีใครคาดเดาได้ อวาทาร์ใหม่ของเบธานีย์คือม้าสีดำปลอดพ่วงพี ส่วนซีเพลนก็เป็นผู้กุมบังเหียน ทั้งคู่ต่างก็ร้อนรนที่จะตามหาตัวนอื่นๆ และช่วยเหลือสเปนเซอร์ให้ได้
ผู้ที่กลับมาด้วยเหมือนกันคือ เจฟเฟอร์สัน “ซีเพลน” แม็คโดนัฟ (นิค โจนาส) นักบินรูปหล่อผู้ช่วยเหลือพวกเขาในการผจญภัยครั้งที่แล้วในฐานะอวาทาร์ของอเล็กซ์ ชายหนุ่มที่ติดอยู่ใน Jumanji ตั้งแต่ปี 1996 ก่อนที่เขาจะหนีออกมาได้พร้อมกับพวกเด็กๆ ในภาคที่แล้ว
“ในหนังภาคแรก เราสามารถทำในสิ่งที่เหลือเชื่อให้ลุล่วงไปได้ และผมก็รู้สึกเหมือนว่าเราเจอกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันเป็นครั้งที่สองเจคมีวิธีในการดึงเอาการแสดงที่ดีที่สุดในตัวทุกคนออกมา ผมรู้สึกเยี่ยมมากที่ได้กลับมาครับ” โจนาสกล่าว “
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น