วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน 2566 นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธานการประชุ
- เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตั
วลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลื อของปีนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้ อภาคการผลิต (PMI) ในเดือนสิงหาคมของประเทศหลักยั งหดตัว ขณะที่กิจกรรมเศรษฐกิจในภาคบริ การอ่อนแรงลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ จุดเปราะบางสำคัญคือการชะลอตั วของเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากปั ญหาการผิดนัดชำระหนี้และกำลังซื้ อที่หดตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจี นในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 5% เท่านั้นและมีแนวโน้มจะลดลงในปี หน้า เศรษฐกิจโลกจึงได้รับแรงกดดั นและส่งผลให้ภาคการส่ งออกของไทยยังมีอุปสรรคในการฟื้ นตัว
- การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอ่
อนแรงลงอย่างเห็นได้ชั ดโดยเศรษฐกิจไทยในปี 2566 มี
แนวโน้มเติบโตได้ที่ 2.5-3.0% ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเดิม โดยเศรษฐกิจในไตรมาส 2 เติบโตเพียง 1.8% ต่ำกว่าประมาณการที่ 3.1% อย่างมาก โดยภาคเศรษฐกิจที่อ่อนแรงได้แก่ภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่มี การหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดี ยวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกั บมูลค่าการส่งออกที่ติดลบต่อเนื่ องมา 10 เดือน และติดลบแทบทุกหมวด อีกทั้งการใช้จ่ายภาครัฐที่หดตั วต่อเนื่องจากการเบิกจ่ ายงบประมาณที่มีแนวโน้มล่าช้า นอกจากนี้ รายได้จากการท่องเที่ยวยังต่ำ กว่าที่คาดเนื่องจากการใช้จ่ ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่ างชาติยังต่ำกว่าปกติอยู่ราว 13% และค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริ ปของคนไทยในการเที่ยวในประเทศต่ำ กว่าปกติราว 33%
- รัฐควรมีมาตรการเพื่อเร่งขั
บเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังสามารถเติบโตได้ระดับ 3.0% การเร่งรัดมาตรการด้านเศรษฐกิ จที่รัฐบาลได้ประกาศไว้จึงมี ความจำเป็นได้แก่ การลดภาระรายจ่ายค่าไฟและราคาน้ำ มัน การผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวต่ างชาติให้ได้ไม่ต่ำกว่า30 ล้านคน นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณามาตรการเพื่อเดิ นหน้าขับเคลื่อนการส่งออกไปยั งตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตได้ ขณะที่เร่งจัดทำมาตรการเพื่ อเสริมสร้างรายได้ ให้กับ SMEs และครัวเรือนเพื่อแก้ปั ญหาภาระหนี้ได้อย่างทั่วถึ งและยั่งยืน
กรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2566 ของ กกร.
%YoY | ปี 2566 (ณ ก.ค. 66) | ปี 2566 (ณ ส.ค. 66) | ปี 2566 (ณ ก.ย. 66) |
GDP | 3.0 ถึง 3.5 | 3.0 ถึง 3.5 | 2.5 ถึง 3.0 |
ส่งออก | -2.0 ถึง 0.0 | -2.0 ถึง 0.0 | -2.0 ถึง -0.5 |
เงินเฟ้อ | 2.2 ถึง 2.7 | 2.2 ถึง 2.7 | 1.7 ถึง 2.2 |
- ที่ประชุม กกร. มีความกังวลกับสถานการณ์ด้
านการค้าระหว่างประเทศที่ส่ งผลให้การส่งออกของไทยชะลอตัว ประกอบกับสินค้าราคาถูกที่ไม่ ได้มาตรฐานทะลักเข้ามาแข่งขันด้ านราคาในตลาดไทย ทำให้ภาคอุตสาหกรรมไทยได้รั บผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเบื้องต้นมี 20 กลุ่มอุตสาหกรรม ที่มียอดขายลดลง และหากไม่มีมาตรการกำกับดูแลสิ นค้านำเข้าดังกล่าว ผลกระทบอาจจะขยายวงกว้ างไปมากกว่านี้ ดังนั้น กกร. จึงเสนอขอให้ภาครัฐเข้ มงวดในการตรวจจับสินค้านำเข้าที่ ไม่ได้มาตรฐานโดยผ่านกลไกจากทั้ ง สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุ ตสาหกรรม (สมอ.) และกรมศุลกากร โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ บริโภคเป็นสำคัญ ในขณะเดียวกันควรต้องมีการสนั บสนุนผู้ส่งออก อำนวยความสะดวกให้พิธีการศุ ลกากรมีความคล่องตัวและรวดเร็ วมากขึ้น
- การท่องเที่ยวยังเป็นเครื่
องยนต์ที่สำคัญกับการขับเคลื่ อนเศรษฐกิจของประเทศในไตรมาสที่ เหลือ ที่ประชุม กกร. มองว่า การฟื้นตัวของนักท่องเที่ ยวบางกลุ่ม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน มีจำนวนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงเสนอให้มีการเร่งรั ดและออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่ อกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะมาตรการ ฟรีวีซ่าโดยเร็ว รวมถึงการประชาสัมพันธ์เพื่อเพิ่ มความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ ยวในการเดินทางเข้าประเทศอย่ างปลอดภัย
- ที่ประชุม กกร. มีความเห็นว่าด้วยดอกเบี้ยในปั
จจุบันปรับขึ้นมาต่อเนื่ องและอยู่ที่ระดับ2.25% ซึ่งเป็นระดับสมดุลแล้ว เนื่องจาก อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงต่ อเนื่องทำให้แรงกดดันเงินเฟ้ ออยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ และสถาบันการเงินได้ชะลอการส่ งผ่านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ในระบบ อีกทั้งกลไกตลาดเงินได้ปรับตั วแล้ว สะท้อนจากการแข่งขั นในการระดมสภาพคล่องที่เข้มข้น ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยพันธบั ตรที่ปรับตัวสูงขึ้นส่วนหนึ่ งจากเงินถูกไหลไปสู่การลงทุ นทางเลือก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น