ในยุคสมัยนี้การยกกระชับผิวหน้ าและผิวหนังบริเวณร่างกายในทุ กส่วนสัดให้ดูอ่อนเยาว์เป็นเรื่ องใกล้ตัว สำหรับในวงการแพทย์ผิวหนังสมั ยใหม่ ความแพร่หลายไม่ได้หยุดเพียงแค่ ผู้หญิงเท่านั้น แต่ผู้ชายก็ให้ความสนใจในเรื่ องเหล่านี้เหมือนกัน เทอร์มาจ (THERMAGE) เป็นหนึ่งในวิธีการกระชับผิ วและรักษาผิวหนังที่หย่อนคล้ อยโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้พลังคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency) ทำให้เกิดความร้อนสู่ใต้ผิวหนัง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เทอร์มาจจะเหมาะกับผู้ที่ต้ องการยกกระชับ บริเวณที่มีไขมันเฉพาะจุด ได้ผลดีในบริเวณที่หย่อนคล้ อยมาก ๆ กระชับหน้า ให้ผิวกระชับยืดหยุ่น เรียบเนียน ลดริ้วรอยบริเวณใบหน้า เหนียง แขน ขาและหน้าท้อง ส่วนไฮฟู่ อัลตราซาวด์ (HIFU ULTRASOUND) นั้นใช้หลักการพลังงานเสียง HIGH-INTENSITY FOCUS ULTRASOUND ให้เกิดความร้ อนไปกระตุ้นคอลลาเจน เมื่อมีการสร้างคอลลาเจนขึ้ นมาใหม่ จะทำให้ผิวหนังกระชับขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชั บผิวที่หย่อนคล้อย ไม่มีไขมันสะสม
โดยหลักการ จำง่าย ๆ ว่า เทอร์มาจ จะเห็นผลชัดเจนในเดือนที่ 3 ของการรักษา แต่ขึ้นอยู่กับสภาพของผิวด้วย ซึ่งจะเห็นผลนาน 1-2 ปี ส่วนไฮฟู่ อัลตราซาวด์ ต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี จึงจะเห็นผลในการรักษา โดยในระหว่าง 2 – 4 เดือนแรกจะเริ่มมีการเปลี่ ยนแปลง โดยทั้งสองวิธีเป็นพังผืดของหนั งแท้ ให้สร้างใหม่โดยใช้เครื่องมื อใหม่ในการแพทย์ ให้พลังงานความร้อนลงสู่หนั งกำพร้าลงไปข้างล่างผ่านเส้ นใยผิวหนัง ไปกระตุ้นเพื่อสร้ างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา
ทั้งนี้โดยหลักการสามารถเลื อกทำทั้งสองวิธีได้ในเวลาเดี ยวกัน โดยแต่ละวิธีก็จะมีผลข้างเคียง การไหม้ของผิวหนังแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับที่1 คือจะเห็นริ้วรอยแดง ๆ ที่หนังกำพร้า ระดับที่ 2 จะเห็นตุ่มน้ำ ถ้าแตกจะเห็นน้ำเหลืองไหลออกมา ระดับลึกลงไปถึงชั้นไขมันใต้ผิ วหนัง ทั้งนี้ในระดับ 2 หรือ ในระดับที่ 3 มีโอกาสเกิดแผลเป็นได้ ส่วนในระดับที่ 1อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของสีผิ วในระยะหนึ่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตามในการรักษาโรคทุ กโรค โดยเฉพาะทางด้านความสวยความงาม ผลของการรักษาจะดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก คือ 1. ความรู้ความสามารถของแพทย์ 2. ประสิทธิภาพของเครื่องมื อและยารักษา และ 3.ตัวผู้ที่มารับการรักษา ต้องปฏิบัติตัวตามแพทย์แนะนำอย่ างเคร่งครัด นอกจากนี้ต้องใช้ดุลยพินิ จของตนเอง ตรวจสอบประวัติแพทย์ที่จะมารั กษา ว่าเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ จริงหรือไม่ ซึ่งในปัจจุบันในแพทยสภาหรือหน่ วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ก็มีข้อมูลให้เลือกตัดสินใจโดยดู รายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www. dst.or.th ได้ถูกต้องและมีความน่าเชื่อถื อมากที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น