สมาพันธ์เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ งไทย ออกโรงย้ำการเลี้ยงกุ้งแบบพั ฒนาของไทยอยู่ภายใต้การกำกั บควบคุมดูแลอย่างเข้มแข็ งของภาครัฐ ตามมาตรฐานสากลด้วยระบบไบโอซี เคียวริตี้ (Bio Security) ช่วยป้องกันโรค เพิ่มผลผลิต รักษาสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบย้อนกลับได้ ผลิตอาหารปลอดภัยให้ผู้บริโภคทั่ วโลก
นายบรรจง นิสภวาณิชย์ ที่ปรึกษาสมาพันธ์เกษตรกรผู้เลี้ ยงกุ้งไทยและผู้ทรงคุณวุฒิด้ านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ในคณะกรรมการนโยบายประมงแห่ งชาติ เปิดเผยถึง กรณีที่มีการเผยแพร่สารคดี การทำฟาร์มกุ้งในสื่อสั งคมออนไลน์ ขององค์กรสากลแห่งหนึ่งเมื่อปี 2555 และมีการแชร์ข้อมูลเก่าโดย Free High Quality Documentaries ที่นำเสนอการทำฟาร์มกุ้ งของไทยทำลายป่าชายเลนและสิ่ งแวดล้อม ใช้แรงงานผิดกฎหมายละเมิดมนุ ษยธรรม มีการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่มี การควบคุม นั้น เป็นการนำเสนอที่ “ไม่ถูกต้อง” ขาดความรับผิดชอบ โดยนำเสนอข้อมูลด้านเดียว ไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดของสั งคมและทำลายภาพลักษณ์ของอุ ตสาหกรรมการส่งออกกุ้งไทย ซึ่งไม่สอดคล้องกับการทำฟาร์ มและการผลิตในปัจจุบัน
เกษตรกรไทยทำฟาร์มเลี้ยงกุ้ งภายใต้การกำกับดูแลของกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีนโยบายชัดเจนส่งเสริ มการเลี้ยงกุ้งในประเทศไทยให้ เป็นไปตามมาตรฐานสากล ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่ งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการประสานความร่วมมือกั บเกษตรกรและภาคเอกชนอย่างใกล้ชิ ด ผ่านสมาพันธ์ สมาคม ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดต่างๆ เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีที่ มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผลผลิ ตและป้องกันโรค ทั้งส่งเสริมเกษตรกร ผู้ส่งออก และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่ วงโซ่การผลิตให้ตระหนักถึ งความต้องการของผู้บริ โภคในตลาดโลก ในฐานะผู้ผลิตอาหารเพื่อเลี้ ยงประชากรโลก นายบรรจง กล่าว
“ประเทศไทยมีการดำเนินธุรกิ จฟาร์มกุ้งทั้งของเกษตรกรรายย่ อย รายกลางและรายใหญ่ ตามกฎหมายของกรมประมงและมาตรฐาน สากล ครอบคลุมเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแนวทางการผลิ ตอาหารปลอดภัยให้ผู้บริโภคทั่ วโลก ตลอดจนภาคแรงงานได้มี การประสานความร่วมมือกับหน่ วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครั ฐและภาคเอกชนให้แรงงานได้รั บการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกั นตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล” นายบรรจง กล่าวย้ำ./
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น