นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสั
งคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุ
ตสาหกรรมและอาหารครบวงจร มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรั
บผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นคงทางอาหารให้
คนไทยและประชากรโลก โดยนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวี
ยนมาพัฒนาใช้ตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อรับมือการเปลี่
ยนแปลงตามกระแสโลก ความท้าทายในการดำเนินธุรกิ
จและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้
เสีย พร้อมมุ่งมั่นสนับสนุนเป้
าหมายของเครือเจริญโภคภัณฑ์เป็
นองค์กรปล่อยก๊าซคาร์
บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net – Zero Carbon) ในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ.2050)
ในปี 2564 บริษัทฯ มีแผนประกาศกลยุทธ์และเป้
าหมายด้านความยั่งยืน ภายในปี พ.ศ.2573 (ค.ศ.2030) โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริ
มการใช้พลังงานหมุนเวียนและเพิ่
มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การจัดซื้อวัตถุดิบในห่วงโซ่
การผลิต (Supply Chain) ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ มุ่งเน้นกระบวนการผลิตอาหารยั่
งยืน การลดปริมาณอาหารสูญเสี
ยในกระบวนการผลิต และขยะอาหาร และการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้
งเดียวทิ้ง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่
ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในส่วนของนโยบายด้านการใช้พลั
งงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ยังคงดำเนินการตามนโยบายต่อเนื่
องจากปี พ.ศ. 2563 โดยธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) ฟาร์มปศุสัตว์ (Farm) และ ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป (Food) ปัจจุบันสัดส่วนการใช้พลั
งงานหมุนเวียนคิดเป็น 26 % ของการใช้พลังงานทั้งหมดของซีพี
เอฟ ซึ่งมาจากโครงการโซล่าร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop) ติดตั้งบนหลั
งคาโรงงานและอาคารสำนักงาน 24 แห่ง และ โครงการโซล่าร์ ฟาร์ม (Solar Farm) แบบติดตั้งบนพื้นดินในฟาร์มสุ
กร 16 แห่ง ซึ่งจะขยายสู่ทุกฟาร์มสุกรของซี
พีเอฟทั่วประเทศ
นโยบายลดการใช้พลาสติกยังเป็
นเรื่องหลักที่ต้องดำเนิ
นการตามนโยบายและแนวปฏิบัติด้
านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำมาใช้
สำหรับกิจการในประเทศไทย จะต้องนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable) หรือนำมาใช้ใหม่ (Recyclable) หรือนำไปผลิตเป็นสินค้าใหม่ได้ (Upcyclable) หรือย่อยสลายได้ (Compostable) 100 % ภายในปี พ.ศ. 2568 และสำหรับกิจการในต่างประเทศ ภายในปี พ.ศ. 2573 ขณะที่ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์พลาสติ
กของบริษัทฯสามารถนำมาใช้ซ้ำ
และนำมาใช้ใหม่ได้ 99.99 %
ด้านกระบวนการผลิตอาหารอย่างยั่
งยืน บริษัท ฯ ได้ประกาศนโยบายการจั
ดการอาหารสูญเสียและขยะอาหาร (Food Loss and Food Waste Policy) ในปีที่ผ่านมาให้ความสำคั
ญในการลดปริมาณการสูญเสี
ยอาหารในกระบวนการผลิต และของเสียจากการเหลือทิ้ง โดยทำโครงการนำร่องในธุรกิจไก่
เนื้อและไก่ไข่ เพื่อเป็นต้นแบบของการดำเนิ
นงานให้กับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ
นายวุฒิชัย ยังได้กล่าวถึง ภาพรวมการดำเนินงานด้านความยั่
งยืน ในปี พ.ศ. 2563 บริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่
อไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนด้
านสิ่งแวดล้อม 4 ด้านหลัก ได้แก่ ลดปริมาณการใช้พลังงานต่อหน่
วยการผลิต 15 % เมื่อเทียบปีฐาน 2558 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่
วยการผลิต 15 % เทียบปีฐาน 2558 ลดปริมาณการดึงน้ำมาใช้ต่อหน่
วยการผลิต 25% เทียบปีฐาน 2558 มาจากการลดการนำน้ำมาใช้
ของสายธุรกิจสัตว์น้ำ โดยใช้ระบบหมุนเวียนน้ำในฟาร์
มกุ้ง และการลดปริมาณของเสียที่กำจั
ดโดยการฝังกลบต่อหน่วยการผลิต 30 % เทียบปีฐาน 2558
นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบย้
อนกลับตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าวัตถุดิ
บทางการเกษตร ไม่ได้มาจากแหล่งที่มีการบุกรุ
กป่า โดย 100 % ของคู่ค้าธุรกิจหลักในกลุ่มวั
ตถุดิบอาหารสัตว์ เครื่องปรุง และบรรจุภัณฑ์ได้รั
บการตรวจประเมินด้านความยั่งยื
น พร้อมกันนี้ ซีพีเอฟส่งเสริมคู่ค้าธุรกิจปฏิ
บัติตามกฎหมายแรงงานตามหลั
กสากลในด้านสิทธิมนุษยชน ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ช่วยเกษตรกรและผู้
ประกอบการรายย่อย รวมถึงกลุ่มเปราะบางได้รับการส่
งเสริมอาชีพและคุณภาพชีวิตที่ดี
กว่า 50,000 ราย เป็นต้น
“ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์การแพร่
ระบาดของโควิด 19 ซีพีเอฟ ยังคงให้ความสำคัญกับความมั่
นคงทางอาหาร ด้วยการใช้มาตรการป้องกั
นความปลอดภัยสูงสุดกับพนักงาน แรงงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่
างชาติ คู่ค้าและในกระบวนการผลิต
เพื่อให้การผลิตอาหารดำเนิ
นไปอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้กั
บคนไทยและประชากรโลกได้เข้าถึ
งอาหารที่มีสุขโภชนาการและสุ
ขภาวะที่ดีอย่างเพียงพอในทุ
กสถานการณ์ โดยสนับสนุนอาหารให้กับแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลของรัฐที่มีผู้ป่
วยโควิด ผู้กักตัว ฯลฯ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการหยุ
ดการแพร่กระจายของโรค” นายวุฒิชัย กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น