JCKH ประสบความสำเร็จขายหุ้นเพิ่มทุ นประเภท RO สำเร็จ รับเงินเข้ากระเป๋า 43.76 ล้านบาท เตรียมนำไปชำระหนี้และใช้เป็ นเงินทุนหมุนเวียน หลังผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 อันดับแรก “อภิชัย เตชะอุบล” ใช้สิทธิตามจำนวน 11.56 ล้านบาท และควักอีก 27.41 ล้านบาท ซื้อเกินสิทธิ รวมเป็นเงิน 38.97 ล้านบาท ขณะที่ “ทวีฉัตร จุฬางกูร” ผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ใช้สิทธิตามจำนวนเช่นกัน เหตุมั่นใจธุรกิจอาหารฟื้นตั วแน่หลังโควิด-19 คลี่คลาย
นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ JCKH เปิดเผยถึงผลการจัดสรรหุ้นสามั ญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวนไม่เกิน 125.05 ล้านหุ้น ซึ่งกำหนดเสนอขายให้ผู้ถือหุ้ นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น(Righ t Offering หรือRO) ในราคาหุ้นละ 0.35 บาท ระหว่างวันที่ 22 – 26 มิถุนายน 2563 ว่า บริษัทฯประสบความสำเร็ จในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน สามารถขายหุ้นครบตามจำนวนที่จั ดสรร ส่งผลให้บริษัทฯได้รับเงินเพิ่ มทุนจากการระดมทุนครั้งนี้รวม 43.76 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปชำระหนี้บางส่ วน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่ อเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ
สาเหตุที่ทำให้การเพิ่มทุนในครั้ งนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี บริษัทฯได้รับเงินตามที่ กำหนดไว้ เนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือนายอภิชัย เตชะอุบล ได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุ นตามสัดส่วน และใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนส่ วนเกินสิทธิที่เหลือทั้งหมด รวมถึงนายทวีฉัตร จุฬางกูร ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ได้ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่ มทุนตามสิทธิเช่นเดียวกัน สะท้อนให้เห็นว่าผู้ถือหุ้นมี ความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษั ทฯมีโอกาสจะพลิกฟื้นกลับมาได้ หากพ้นช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19
“ผมใส่เงินเพิ่มทุนตามสิทธิ จำนวน 11.56 ล้านบาท และซื้อเกินสิทธิในหุ้นเพิ่มทุ นที่เหลืออีก 27.41 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 38.97 ล้านบาท เพราะมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิ จของJCKH ยังมีศักยภาพเติบโตได้ในอนาคต และแบรนด์ร้านอาหารภายใต้การบริ หารจัดการของJCKH ที่มีอยู่ เป็นที่รู้จักของลูกค้า ทั้งร้านอาหารแบบบุฟเฟต์ ร้านอาหารแบบ A La Cart รวมไปถึงร้านอาหารแบบ Casual ซึ่งมีทั้งอาหารไทยและอาหารจีน ซึ่งร้านอาหารเหล่านี้ยั งสามารถสร้างรายได้และเติบโตได้ หากสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลายและภาวะเศรษฐกิ จกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น”นายอภิชัย กล่าว
บริษัทฯ ยอมรับว่าในช่วงไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ของปีนี้ได้รั บผลกระทบจากโรคระบาด ทำให้สาขาส่วนใหญ่ต้องปิดกิ จการเป็นการชั่วคราว แต่คาดว่าสถานการณ์ที่เริ่มคลี่ คลายในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับการผ่อนปรนมาตรการ Lock Down และนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิ จของภาครัฐผ่านการใช้จ่ ายของประชาชน เช่น มาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว มาตรการเงินเยียวยาผู้ได้รั บผลกระทบ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่ นของผู้บริโภคให้กลับคืนมา และน่าจะทำให้ธุรกิจสามารถฟื้ นตัวและกลับมามีกำไรได้ ในอนาคตอันใกล้
ขณะเดียวกันบริษัทฯ พยายามปรับตัวโดยการลดค่าใช้จ่ าย เช่น เจรจาขอลดค่าเช่า ปิดสาขาที่มีผลการดำเนิ นงานขาดทุน รวมถึงการหาช่องทางในการสร้ างรายได้ทางอื่นเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการขยายช่ องทางการจัดจำหน่าย (Delivery) การออกบู๊ทขายอาหารทั้งอาหารปรุ งสุกพร้อมทาน อาหารแช่แข็ง ตลอดจนการขายซอสน้ำจิ้มสุกี้ที่ เป็นเอกลักษณ์ของบริษัท เพื่อพัฒนาขี ดความสามารถในการแข่งขันและสร้ างความหลากหลายให้มากยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น