วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธานการประชุ
- เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวชั
ดเจนขึ้น เห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิ จในไตรมาส 2 โดยเศรษฐกิจของสหรัฐฯหดตัวต่ อเนื่องจากไตรมาสแรก และจีนขยายตัวต่ำกว่ าประมาณการค่อนข้างมาก ขณะที่กองทุนการเงินระหว่ างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิ จโลกลงสู่ 3.2% ในเดือน ก.ค. จาก 3.6% ในเดือน เม.ย. จากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยู เครนที่ยืดเยื้อ ภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสู งจนกระทบครัวเรือนและภาคธุรกิจ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่ างรวดเร็วของธนาคารกลาง และผลข้างเคียงต่อห่วงโซ่อุ ปทานจากมาตรการ Zero COVID ที่เข้มงวดของจีน เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้ มชะลอลงจะส่งผลต่อการส่ งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งตัวเลขการส่งออกเดือน มิ.ย. ชี้ให้เห็นว่า การส่งออกไปประเทศเศรษฐกิจหลั กเริ่มแผ่วลงบ้างแล้ว - เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มได้รั
บแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้ น โดยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในช่ วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 5.6% ซึ่งสูงกว่าภาวะปกติที่ 1-3% มาก และคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในช่ วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกยั งอยู่ในระดับสูง รวมทั้งการปรับขึ้นราคาสินค้าที่ เริ่มกระจายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้ น นอกจากนั้นหากมีการปรับขึ้นค่ าไฟในงวด ก.ย.-ธ.ค. ก็จะเป็นแรงกดดันเงินเฟ้อให้เร่ งตัวขึ้นได้อีก ซึ่งเงินเฟ้อที่สูงขึ้ นจะกระทบอำนาจซื้อภาคครัวเรื อนและต้นทุนของภาคธุรกิจ - การท่องเที่ยว และมาตรการภาครัฐเป็นแรงส่
งเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลื อของปี การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ ยวชัดเจนขึ้น โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมี แนวโน้มเติบโตต่อเนื่องหลั งยกเลิกมาตรการ Thailand Pass คาดว่ามีโอกาสแตะระดับ 7-8 ล้านคน ประกอบกับยังมีแรงหนุนกำลังซื้ อจากมาตรการภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการคนละครึ่งระยะที่ 5 ที่คาดว่าจะกระตุ้นการใช้จ่ ายได้ประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท หรือราว 0.2% ของ GDP ซึ่งจะช่วยหนุนการเติ บโตของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางท่ ามกลางปัจจัยเสี่ ยงจากภายนอกประเทศและภาวะเงิ นเฟ้อที่กระทบอำนาจซื้อ - ที่ประชุม กกร. ประเมินเศรษฐกิจไทยยังโตได้ท่
ามกลางเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้ มชะลอตัว โดยที่ประชุม กกร. คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 ซึ่งจะขยายตัวได้ในกรอบ 2.75% ถึง 3.5% ขณะที่มูลค่าการส่งออกคาดว่ายั งขยายตัวได้ในกรอบ 6.0% ถึง 8.0% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ ในกรอบ 5.5% ถึง 7.0%
กรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2565 ของ กกร.
%YoY | ปี 2565 (ณ มิ.ย. 65) | ปี 2565 (ณ ก.ค. 65) | ปี 2565 (ณ ส.ค. 65) |
GDP | 2.5 ถึง 4.0 | 2.75 ถึง 3.5 | 2.75 ถึง 3.5 |
ส่งออก | 3.0 ถึง 5.0 | 5.0 ถึง 7.0 | 6.0 ถึง 8.0 |
เงินเฟ้อ | 3.5 ถึง 5.5 | 5.0 ถึง 7.0 | 5.5 ถึง 7.0 |
ประเด็นสำคัญที่หารือในการประชุ
- ด้านการขับเคลื่อนประเทศ ในที่ประชุมกกร.วันนี้ได้รับเกี
ยรติจากหม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และผู้แทนการค้าไทย มาให้ข้อมูลทิศทางการขับเคลื่ อนการฟื้นตัวประเทศ เพื่อให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน คือ Better and Green Thailand 2030 ที่ประกอบ ด้วย 5 มาตรการหลัก
- ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม EV โดยมีเป้าหมายสร้าง GDP 2.1 แสนล้านบาท
- Smart Electronics โดยมีเป้าหมายสร้าง GDP 5 แสนล้านบาท
- ดึงดูดชาวต่างชาติ ที่มีศักยภาพสูงด้วยให้วีซ่
าระยะยาว 10 ปี (LTR) โดยมีเป้าหมายสร้าง GDP 1 ล้านล้านบาท - อุตสาหกรรม Digital (Data Center and Cloud Service) โดยมีเป้าหมายสร้าง GDP 1 แสนล้านบาท
- Soft Power โดยมีเป้าหมายสร้าง GDP 3 หมื่นล้านบาท
ซี่งมีความคืบหน้าอย่างเป็นรู
2. นอกจากนี้ จากการที่ กกร. ได้มีการหารือร่วมกับทูตญี่ปุ่
3. ด้านแนวโน้มการปรับขึ้นอั
4. สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2565 ธนาคารกลางเมียนมา (Central Bank of Myanmar: CBM) ได้ออกคำสั่งให้บริษัทและผู้กู้
1. ด้านการค้าระหว่างไทย – เมียนมา (Trading Business) แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มธุรกิจการค้าชายแดน (Border Trade) ยังไม่ได้รับผลกระทบ
- การค้าระหว่างประเทศ (International Trade) ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีการค้าขายด้วยสกุ
ลเงินดอลลาร์สหรัฐ
2. ด้านอุตสาหกรรมที่เข้าไปลงทุ
- กลุ่มการลงทุนทางตรง (FDI) หากเป็นการกู้เงินจากสถาบั
นการเงินในไทยเป็นเงินบาท จะไม่ได้รับผลกระทบ - กลุ่มการลงทุนภายใน หมายถึง บริษัทที่ลงทุนในเมียนมาอยู่แล้
ว และได้นำผลกำไรที่เกิดขึ้ นมาลงทุนขยายธุรกิจต่อ กลุ่มนี้จะไม่ได้รับผลกระทบใด
5. ตามที่มีการประชุม ABAC ครั้งที่ 3 ประเทศเวียดนาม ซึ่งประเทศไทยเป็นประธานการจั
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น