JCK เตรียมที่ดิน 300 ไร่ ผุดทาวเฮ้าส์-บ้านเดี่ยวในเชียงราย - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2564

JCK เตรียมที่ดิน 300 ไร่ ผุดทาวเฮ้าส์-บ้านเดี่ยวในเชียงราย

 


ลดพึ่งพิงนิคมฯ หวังรับนักท่องเที่ยวจีนรถไฟคุนหมิง-เวียงจันทน์จ่อเปิด

               พร้อมกรุยทางรับนโยบายรัฐแก้กม.เปิดต่างชาติถือครองอสังหาฯ

 

         JCK ปักหมุด “เชียงราย” ตุนที่ดิน 200-300 ไร่ หวังใช้เป็นฐานที่มั่นรุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผุดทาวเฮาส์และบ้านเดี่ยว รองรับนักท่องเที่ยวจีนเป็นเป้าหมายหลัก ภายหลังเส้นทางรถไฟจีนสู่ สปป.ลาว เริ่มเปิดใช้บริการปลายปี64 นี้ และกรุยทางรับนโยบายรัฐจ่อแก้กฎหมายขยายเพดานให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น

นายกฤตวัฒน์ เตชะอุบล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) หรือ JCK เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เตรียมขยายสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย มุ่งหวังกระจายฐานรายได้ ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและแวร์เฮ้าส์ เพื่อรักษาให้ผลประกอบการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง 

สำหรับพื้นที่เป้าหมาย บริษัทฯมุ่งให้ความสำคัญพื้นที่ในจังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย เนื่องจากเล็งเห็นว่ามีศักยภาพและโอกาสเติบโตได้อีกสูง พื้นที่อยู่ติดชายแดน จะกลายเป็นประตูสำคัญในการต้อนรับนักท่องเที่ยวและภาคเศรษฐกิจจากประเทศจีน ภายหลังรถไฟเส้นทางจากนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน- นครหลวงเวียงจันทน์สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) กำหนดเปิดให้บริการภายในปลายปี2564 นี้ คาดว่าจะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจ การขนส่ง และการท่องเที่ยวให้เติบโต

นอกจากนี้ เป็นจังหวะเดียวกับการที่รัฐบาลมีนโยบายจะแก้ไขกฎหมายขยายเพดานให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้มากขึ้น คาดว่าจะมีส่วนสำคัญก่อให้เกิดความต้องการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงราย

“ด้วยปัจจัยข้างต้นจะทำให้เชียงรายกลายเป็นประตูในการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ บริษัทฯเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจดังกล่าว และได้เตรียมที่ดิน 4-5 แปลง ตั้งอยู่ในเขตเมืองของจังหวัดเชียงรายทั้งหมด พื้นที่รวมกันราว 200-300 ไร่  เพื่อพัฒนาทาวเฮ้าส์ ราคา 2-3 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว ราคา 8-10 ล้านบาท  กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักจะเป็นชาวจีนซึ่งมีกำลังซื้อสูง และประชาชนในท้องถิ่น”นายกฤตวัฒน์ กล่าว

บริษัทฯคาดว่าจะเริ่มพัฒนาโครงการแรกได้ในช่วงต้นปี 2565 และคาดหวังว่าจะทำให้บริษัทฯมีรายได้จากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เข้ามาเสริม นอกเหนือไปจากธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad