SNNP มั่นใจรายได้-กำไร ปี 65 ดีกว่าปี 64 ที่ทำนิวไฮเกิน 437.2 ล้านบาท อานิสงส์ผลการดำเนินงานงานบริษัทลูกเริ่มออกดอกผล-การบริโภคภายในประเทศฟื้น-ตลาดส่งออกในเวียดนามโตเด่น กลายเป็นตลาดส่งออกหลัก บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลอีก 0.14 บาท/หุ้น รวมทั้งปีแจก 0.24 บาท/หุ้น พร้อมอนุมัติตั้งบริษัทร่วมลงทุนกับพันธมิตรในอินโดนีเซีย ลุยสร้างโรงงานผลิตสินค้า หวังบุกตลาดเต็มสูบ พร้อมตั้งบริษัทร่วมทุนผลิตอาหารนวัตกรรมในไทย คาดเปิดตัวสินค้าใหม่-มาร์จิ้นสูงช่วงปลายปีนี้ หนุนธุรกิจติดสปริง “วิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล”วางเป้ายอดขายปี 65 ทะยานแตะ 5,000 ล้านบาทgเติบโตต่อเนื่อง
นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (SNNP) เปิดเผยว่า
ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565
ทั้งรายได้และกำไรน่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจาก 2564
เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทลูกเริ่มออกดอกผล การจับจ่ายในประเทศเริ่มฟื้นตัว
หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น
ขณะที่ยอดขายในประเทศเวียดนามเติบโตอย่างโดดเด่น กลายเป็นตลาดส่งออกหลัก
ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 100 ล้านบาท โดยมีแผนที่จะลงทุนในการเข้าซื้อหรือจัดตั้งธุรกิจที่เกี่ยวกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
เพื่อต่อยอดธุรกิจ ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
สร้างผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้น
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 4/64 ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว
รวมไปถึงตลาดส่งออกในเวียดนามเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่บริษัทฯได้เข้าไปทำการตลาดในช่วงที่ผ่านมา
ผลักดันให้ภาพรวมผลการดำเนินงานตลอดทั้งปี 2564 มีรายได้จากการขาย
4,277.1 ล้านบาท
และมีกำไรสุทธิ 437.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 343.3 ล้านบาท หรือ 366.0% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 93.8 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ยังมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ
0.14 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่
28 เมษายน 2565 และจ่ายเงินวันที่ 18
พฤษภาคม 2565 ทั้งนี้
บริษัทฯจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วหุ้นละ 0.10 บาท
รวมทั้งปีเท่ากับ 0.24 บาท/หุ้น สำหรับผลการดำเนินงานปี 2564
พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทฯ
ยังมีมติอนุมัติตั้งจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุน 2 บริษัท ในประเทศอินโดนีเซีย และในประเทศไทย
โดยในส่วนของบริษัทร่วมทุนในอินโดนีเซีย
เป็นการขยายการลงทุนรองรับความต้องการของผู้บริโภค
สอดคล้องแผนบุกตลาดต่างประเทศของบริษัทฯ นอกเหนือจากตลาดใน CLMV โดยมีแผนที่จะก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อผลิตสินค้าป้อนตลาดในอินโดนีเซีย
เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถผลิตและจำหน่ายสินค้าได้ในช่วงปลายปี 2565 นี้
ส่วนบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งใหม่ในไทย
เป็นการร่วมลงทุนทำธุรกิจอาหารนวัตกรรม ซึ่งเป็นสินค้า High Margin คาดว่าจะดำเนินการผลิตสินค้าป้อนตลาดได้ในช่วงปลายปี 2565 เช่นกัน ซึ่งมั่นใจว่าทั้งสองบริษัทนี้ จะเป็นอีกกำลังสำคัญที่จะสนับสนุนธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ
ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2566
พร้อมทั้งงผลักดันรายได้และกำไรเติบโตนิวไฮได้อย่างต่อเนื่อง
“รายได้และกำไรในปี 2564 เติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง
มีปัจจัยสนับสนุนหลักคือตลาดภายในประเทศที่เริ่มดีขึ้นในทุกมิติ
ทั้งสถานการณ์โควิดคลี่คลาย กำลังซื้อของผู้บริโภคกลับมา
ภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ขณะเดียวกับตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะเวียดนาม ก็พลิกกลับมาฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่นเช่นกัน
และในอนคตเชื่อมั่นว่า SNNP ยังสามารถที่จะเติบโตได้มากกว่านี้
เนื่องจากบริษัทฯมีแผนที่จะขยายตลาดเพิ่มเติมจาก CLMV โดยล่าสุดที่ตัดสินจับมือพันธมิตรในประเทศอินโดนีเซียจัดตั้งบริษัทร่วมทุน
เพื่อบุกตลาดอินโดนีเซียซึ่งมีประชากรจำนวนมากกว่า 270 ล้านคน
นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจให้กับบริษัทฯ
และคาดว่าจะเริ่มเห็นผลได้ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป
”นายวิวรรธน์ กล่าวในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น