วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่
- การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิ
ดเริ่มส่งผลให้เศรษฐกิจจีนมีสั ญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน โดยดัชนีทางเศรษฐกิจของจีน ทั้งในฝั่งภาคการผลิตและภาคบริ การกลับมาขยายตัวได้ในเดื อนมกราคม โดยเฉพาะในภาคบริการที่สะท้ อนการเดินทางท่องเที่ยวของชาวจี นในช่วงเทศกาลตรุษจีน สอดคล้องกับการประเมินล่าสุดของ IMF ที่คาดว่าเศรษฐกิจจี นจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ 5.2% ในปี 2566 สูงกว่าประมาณการเดิมที่ 4.4% ขณะที่เศรษฐกิจโลกปี 2566 มีแนวโน้มเติบโต 2.9% สูงกว่าประมาณการเดิมที่ 2.7% ทั้งนี้ คาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลดี ต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย ประกอบกับกิจกรรมการผลิตที่มี แนวโน้มฟื้นตัวจะช่วยพยุ งภาคการส่งออกสินค้าในระยะข้ างหน้า ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตั วลง
- ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็
วและมากกว่าสกุลภูมิภาค แม้ว่าค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมี ปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน อาทิ ดุลบัญชีเดินสะพัดที่กลับมาเกิ นดุลในไตรมาสที่ 4/2565 มุมมองของนักลงทุนที่เป็นบวกต่ อการเปิดประเทศของจีน และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าหลั งจากตลาดคลายความกังวลต่อการเร่ งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด แต่เงินบาทแข็งค่าราว 15% ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา และแข็งค่าถึง 5% ในช่วงเดือนมกราคมซึ่งมากและเร็ วกว่าสกุลเงินอื่นในภูมิภาคอย่ างชัดเจน เป็นปัจจัยกดดั นความสามารถในการแข่งขันของสิ นค้าส่งออกของไทยในภาวะที่ ความต้องการสินค้าชะลอตัว
- เศรษฐกิจไทยมีแรงสนับสนุ
นจากภาคการท่องเที่ยวแต่มี ความเสี่ยงจากภาคการส่งออก โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปีนี้อาจมากกว่า 22.5 ล้านคนที่ประเมินไว้เดิม จากนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรป และสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีกว่ าคาด ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนจะปรับตั วดีขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาสที่ 2 อย่างไรตาม การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัวในช่ วงต้นปี และต้องติดตามปัจจัยที่มี ผลกระทบอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการแข็งค่าของค่ าเงินบาท การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งแม้ว่าจีนจะฟื้นตัวได้เร็ วแต่อาจไม่เพียงพอที่ จะทดแทนความต้องการสินค้ าจากประเทศหลักอื่นๆ
กรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2566 ของ กกร.
%YoY | ปี 2565 (ณ ธ.ค. 65) | ปี 2566 (ณ ม.ค. 66) | ปี 2566 (ณ ก.พ. 66) |
GDP | 3.2 | 3.0 ถึง 3.5 | 3.0 ถึง 3.5 |
ส่งออก | 5.5* | 1.0 ถึง 2.0 | 1.0 ถึง 2.0 |
เงินเฟ้อ | 6.1* | 2.7 ถึง 3.2 | 2.7 ถึง 3.2 |
หมายเหตุ: * ตัวเลขจริง
- ที่ประชุมแสดงความห่วงใยในเรื่
องต้นทุนการผลิตที่ยังทรงตัวอยู่ ในระดับสูง โดยเฉพาะราคาค่าไฟฟ้า รวมถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอั ตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่ องท่ามกลางค่าเงินบาทที่แข็งค่า อาจส่งผลกระทบต่อขี ดความสามารถการแข่งขันของผู้ ประกอบการ รวมถึงการส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้ บริโภคผ่านราคาสินค้าและบริ การที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ปั ญหาขาดแคลนแรงงานในภาคบริการ ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ภาครั ฐต้องมีมาตรการสนับสนุนเพื่ อเตรียมความพร้อมด้านแรงงานให้ เพียงพอรองรับการขยายตั วของภาคการท่องเที่ยวหลังจากจี นเปิดประเทศ
- สืบเนื่องจากการหารือร่วมกั
บเลขาธิการสำนั กงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลั งงาน พร้อมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ ยวข้องในด้านพลังงาน เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการแก้ ไขปัญหาค่าไฟฟ้า ซึ่งที่ผ่านมาภาคเอกชนได้ช่ วยลดการใช้ก๊าซธรรมชาติ โดยใช้พลังงานเชื้อเพลิงอื่ นมาทดแทนไปส่วนหนึ่งแล้ว เพื่อทำให้การคำณวนค่า Ft ในรอบถัดไปมีอัตราที่ลดลง โดยที่ประชุมมีความคิดเห็นดังนี้
1. กกร.เสนอให้ปรับลดค่า Ft งวดที่ 2 เดือน พ.ค – สค. 66 เนื่องจากมีปัจจัยหนุนในด้านการเพิ่มขึ้นของก๊าซธรรมชาติ ในอ่าวไทย และราคาก๊าซธรรมชาติจากต่ างประเทศที่มีแนวโน้มลดลง
2. เห็นชอบในแนวทางการจัดตั้ง กรอ. พลังงาน และให้สำนักงาน กกร. จัดทำโครงสร้างรูปแบบการทำงาน เสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบเพื่อพิจารณาจัดตั้งต่อไป และระหว่างการจัดตั้ง กรอ. พลังงาน ขอให้มีคณะทำงาน Task Force ด้านพลังงาน (เฉพาะกิจ) เพื่อบูรณาการความร่วมมื อในการแก้ไขปัญหาและสร้ างความเข้าใจในด้านพลังงาน รวมถึงหารือมาตรการระยะสั้น-กลา ง-ยาว โดยมีตัวแทน 3 ฝ่าย ได้แก่ สำนักนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน (สนพ.) สำนักกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น