พรีเมียร์ลีกเปิดตัวแคมเปญ ‘Boot Out Piracy’ (ต่อต้านสตรีมมิ่งละเมิดลิขสิทธิ์) สร้างการรับรู้เรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ การชมฟุตบอลในประเทศไทย ดึงนักเตะพรีเมียร์ลีกชื่อดังร่วมสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายจากดูบอลผ่านช่องทางผิดกฎหมาย - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

พรีเมียร์ลีกเปิดตัวแคมเปญ ‘Boot Out Piracy’ (ต่อต้านสตรีมมิ่งละเมิดลิขสิทธิ์) สร้างการรับรู้เรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ การชมฟุตบอลในประเทศไทย ดึงนักเตะพรีเมียร์ลีกชื่อดังร่วมสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายจากดูบอลผ่านช่องทางผิดกฎหมาย

                                                                          


กรุงเทพฯประเทศไทย (ก.พ. 2566 ) – นักฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจากสโมสรฟุตบอลชั้นนำ อย่างลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ร่วมเป็นกระบอกเสียงในการสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายจากการรับชมฟุตบอลผ่านช่องทางผิดกฎหมายในประเทศไทยผ่านแคมเปญ ‘Boot Out Piracy’ (ต่อต้านสตรีมมิ่งละเมิดลิขสิทธิ์)

 

แคมเปญนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในปี 2566 โดยมีเหล่านักฟุตบอลชื่อดังจากพรีเมียร์ลีกเข้าร่วมแคมเปญ อาทิ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กองหลังจากลิเวอร์พูล, อิลคาย กุนโดกัน จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้, เจมี วาร์ดี กองหน้าจากเลสเตอร์ ซิตี้ และแจ็ค แฮร์ริสัน จากลีดส์ ยูไนเต็ด โดยหนังโฆษณาภายใต้แคมเปญนี้จะออกอากาศผ่านทางโทรทัศน์และสื่อดิจิทัล เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงของการรับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกผ่านเว็บไซต์และอุปกรณ์ผิดกฎหมาย และการรับชมจากสตรีมมิ่งแบบผิดกฎหมายยังให้อรรถรสในการรับชมที่ไม่ได้คุณภาพอีกด้วย

                                                                                           


จากผลสำรวจของ White Bullet Solutions บริษัทด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและทรัพย์สินทางปัญญา พบว่า 71% ของเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ที่คนไทยนิยมรับชมพรีเมียร์ลีกอย่างผิดกฎหมายมีโฆษณาที่เสี่ยงต่อการหลอกลวง การโดนมัลแวร์ และยังมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการพนันและเนื้อหาเรื่องเพศที่ไม่เหมาะสม

 

จึงทำให้แฟนบอลที่รับชมพรีเมียร์ลีกผ่านเว็บไซต์หรือสตรีมมิ่งแบบผิดกฎหมายมีความเสี่ยงที่จะถูกแฮกบัญชีธนาคาร โจรกรรมข้อมูล หรืออุปกรณ์จะถูกล็อคเพื่อเรียกค่าไถ่ (Ransom) นอกจากนั้นยังอาจได้รับประสบการณ์ในการรับชมพรีเมียร์ลีกที่ไม่ราบรื่นเพราะถูกรบกวนจากคุณภาพของวิดีโอ ถูกขัดด้วยหน้าต่างโฆษณาจำนวนมาก รวมถึงความล่าช้าของวิดีโอ

 

ศาสตราจารย์พอล วัตเตอรส์ ที่ปรึกษาและนักวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำ และผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย La Trobe ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า

                                                                                              


“จากผลสำรวจล่าสุดในเอเชีย พบว่ามีผู้บริโภคจำนวนมากที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับมัลแวร์และแรนซัมแวร์จากการเข้าเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งส่งผลให้ข้อมูลส่วนตัวสูญหายหรือข้อมูลสำคัญถูกล็อคไว้เพื่อเรียกค่าไถ่

 

“โดยจากค่าเฉลี่ยพบว่า คุณมีโอกาสถึง 57% ที่จะโดนคุกคามจากมัลแวร์ซึ่งถูกฝังมาภายในแอปละเมิดลิขสิทธิ์ที่คุณดาวน์โหลด และจากผลสำรวจยังพบว่าอุปกรณ์จะถูกบุกรุกโดยมัลแวร์ โดยใช้เวลาเพียง 43 วินาทีเท่านั้น

 

“คุณควรทราบว่าผู้ให้บริการเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์สนใจแค่การทำเงินโดยไม่คำนึงถึงกฎหมาย และมักใช้การละเมิดลิขสิทธิ์เป็นเหยื่อล่อ ซึ่งเมื่อคุณติดกับนั้น อุปกรณ์ของคุณอาจกลายมาเป็นแหล่งแพร่มัลแวร์ให้ทั้งตัวคุณเอง ครอบครัว รวมไปถึงที่ทำงานของคุณได้

                                                                                     


“การโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลอาจนำไปสู่งการฉ้อโกง/ปลอมแปลงข้อมูลส่วนบุคคลได้ ซึ่งทำให้ผู้โจรกรรมสามารถสวมรอยเป็นคุณและใช้ข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ อย่างพาสปอร์ต ใบขับขี่ บัญชีธนาคาร และรวมไปถึงการกู้ยืมเงินภายใต้ชื่อของคุณได้ ในขณะที่กระบวนการกู้คืนข้อมูลส่วนตัวของคุณอาจใช้เวลานานหลายปี และในบางครั้งผลกระทบที่ได้จากการถูกโจรกรรมข้อมูลก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตเป็นอย่างมาก”

 

ทางพรีเมียร์ลีกได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ให้บริการเว็บไซต์ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเปิดสตรีมมิ่งแบบผิดกฎหมายทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งนับตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วที่ได้มีการจัดตั้งสำนักงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พรีเมียร์ลีกได้มีการสั่งบล็อกเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ไปแล้วกว่าหลายร้อยเว็บในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย 

 



 

เควิน พลัมบ์ ที่ปรึกษาทั่วไปของพรีเมียร์ลีก กล่าวว่า

 

“เราทราบดีว่าแฟนบอลบางส่วนในประเทศไทยกำลังเสี่ยงต่อการถูกคุกคามทางไซเบอร์และการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลจากการใช้งานสตรีมมิ่งบนเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเราอยากจะย้ำให้ทุกคนทราบว่ามันไม่คุ้มเลยที่จะเสี่ยง เพราะเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้มีเนื้อหาที่อาจเป็นอันตรายและสามารถสร้างปัญหาที่ตามมาอีกมากมายให้กับคุณ

 

“โดยภายใต้แคมเปญ ‘Boot Out Piracy’ (ต่อต้านสตรีมมิ่งละเมิดลิขสิทธิ์) ที่เปิดตัวทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรและหน่วยงานภาครัฐเพื่อปกป้องแฟนบอลของเราจากภัยคุกคามที่เกิดจากการละเมิดลิขสิทธิ์ และขอแนะนำผู้ที่ยังรับชมฟุตบอลผ่านช่องทางสตรีมมิ่งผิดกฎหมาย ให้หันมาเลือกช่องทางการรับชมอย่างเป็นทางการจากพันธมิตรของพรีเมียร์ลีกที่มีความปลอดภัยและยังมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการรับชมให้แก่คุณ

 

การให้ความรู้และความเข้าใจแก่แฟนบอลถึงอันตรายจากการรับชมพรีเมียร์ลีกแบบผิดกฎหมายถือเป็นส่วนสำคัญของโครงการต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ของเรา ในขณะเดียวกันเราได้มีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดด้วยการบล็อกเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ รวมไปถึงการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ให้บริการ/ขายสตรีมมิ่งผิดกฎหมาย และเพิ่มกระบวนการต่าง ๆ ที่จะทำให้การเข้าถึงเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีความเสี่ยงสูงเหล่านี้ทำได้ยากมากยิ่งขึ้น”

 





ในประเทศไทย พรีเมียร์ลีก ได้จับมือกับ ทรูวิชั่นส์ พันธมิตรที่ได้ลิขสิทธิ์ด้านการสตรีมมิ่งในประเทศไทยในแคมเปญ ‘Boot Out Piracy’ (ต่อต้านสตรีมมิ่งละเมิดลิขสิทธิ์) โดย นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านมีเดีย บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ในฐานะที่ทรูวิชั่นส์ เป็นผู้ประกอบการที่นำเข้าลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง เราจึงเข้าใจและให้ความสำคัญเรื่องของลิขสิทธิ์ที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องได้รับความคุ้มครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟุตบอลพรีมียร์ลีก อังกฤษ คอนเทนต์ที่แฟนกีฬาฟุตบอลชาวไทยต่างให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งทรูวิชั่นส์ยังคงเป็นเพย์ทีวีรายเดียวในประเทศไทยที่ได้ถือครองลิขสิทธิ์มาอย่างต่อเนื่อง และต่อไปอีก 3 ฤดูกาล เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2022/23 – 2024/25อีกทั้งทรูวิชั่นส์ยัง ให้บริการการสตรีมมิ่งแบบถูกกฎหมาย เพื่อเพิ่มช่องทางเอาใจหลากหลายไลฟ์สไตล์แฟนบอลชาวไทย ซึ่งเราเชื่อว่าการรับชมกีฬาประเภทนี้แบบสด จะได้อรรถรสและสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก โดยทรูวิชั่นส์ได้นำเสนอแพ็กเกจต่าง ๆ หลายรูปแบบเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม และทุกไลฟ์สไตล์ของแฟนบอล ที่มีทั้งชมที่บ้าน ชมผ่านมือถือ หรือไปเชียร์กับเพื่อนตามร้านอาหาร ผับ บาร์ ซึ่งก็มีแพ็กเกจแบบคุ้มค่าเพื่อรองรับผู้ประกอบการร้านเหล่านี้ด้วยเช่นกัน และเป็นที่น่ายินดีที่ปัจจุบันลูกค้าชาวไทยเข้าใจและเลือกดูผ่านช่องทางที่ถูกลิขสิทธิ์เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทรูวิชั่นส์ ต้องขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุนเลือกการดูคอนเทนต์อย่างถูกต้องถูกลิขสิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตาม ทรูวิชั่นส์ยังจะเดินหน้าร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อกำจัดการละเมิดลิขสิทธิ์ ที่ผิดทั้งกฎหมาย และยังนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อผู้บริโภคอาจติดมัลแวร์จากการรับชมสตรีมมิ่งผิดกฎหมายที่ไม่ได้คุณภาพอีกด้วย”



ผู้ที่สนใจแคมเปญ ‘Boot Out Piracy’ (ต่อต้านสตรีมมิ่งละเมิดลิขสิทธิ์) สามารถรับชมวิดีโอของแคมเปญได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของ ทรูวิชั่นส์ คลิก Facebook และ TikTok

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad