เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2564 ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ระบุว่า ตามที่ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 427,172,500 บาท เพื่อให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยนำไปใช้ในการเยียวยาแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้สินค้า แบ่งเป็นให้ (1) ท่าเรือกรุงเทพ ปรับลดค่าภาระตู้สินค้าเปล่าขาเข้าผ่านท่าเรือกรุงเทพ ในอัตรา 1,000 บาทต่อทีอียู เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2564 รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นจำนวนเงิน 5,087,250 บาท และ (2) ท่าเรือแหลมฉบัง ชดเชยค่ายกขนตู้สินค้าให้แก่เอกชนผู้ประกอบการนำเข้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยจ่ายส่วนลดคืนในอัตรา 1,000 บาทต่อทีอียู เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2564 รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นจำนวนเงิน 422,085,250 บาท นั้น
เนื่องจาก
ข้อเสนอของภาคเอกชนในการขอให้ปรับลดค่าภาระตู้สินค้าเปล่าขาเข้าและชดเชยค่ายกขนตู้สินค้าเปล่า
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สายการเดินเรือมีการนำเข้าตู้เปล่าเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น
เพื่อให้เพียงพอแก่ความต้องการของผู้ส่งออก
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
ผู้ส่งออกยังคงประสบปัญหาจากการให้บริการของสายการเดินเรือ อาทิ 1) ตู้สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการส่งออกตามอุปสงค์ของตลาดโลก
ทำให้ต้องปรับลดคาดการณ์การเติบโตของการส่งออกลงจาก 15% เหลือเพียง
12% ในปี 2564 2) สายการเดินเรือจัดสรรพื้นที่ระวางเรือไม่เพียงพอกับปริมาณตู้สินค้าที่ออกจากประเทศไทย
ทำให้เกิดความล่าช้าในการขนส่งสินค้าให้กับคู่ค้าในต่างประเทศ 3) ค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น 200-700% จนมีต้นทุนการขนส่งใกล้เคียงราคาสินค้า
4) ค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มอื่นที่เกิดขึ้นจากความล่าช้าของเรือถูกผลักภาระมาให้ผู้ส่งออกรับผิดชอบ
5) คุณภาพของการให้บริการของสายการเดินเรือลดลงอย่างมาก ไม่สอดคล้องกับค่าระวางการขนส่งที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อาทิ ความล่าช้าในการส่งมอบตู้สินค้า ณ ท่าเรือต้นทาง การส่งมอบสินค้า ณ
ท่าเรือปลายทาง สภาพตู้คอนเทนเนอร์สำหรับการบรรจุสินค้าเพื่อการส่งออก
ที่ชำรุดและไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ผู้ส่งออกต้องการทำให้เกิดต้นทุนและการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ซื้อในต่างประเทศ
การลดความถี่และจำนวนเที่ยวเดินเรือในการเดินเรือทำให้มีตัวเลือกในการใช้บริการน้อยลง
ส่งผลให้ผู้ส่งออกไม่สามารถจัดส่งสินค้าให้ถึงปลายทางในวันและเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขาย
ดังนั้น สรท.
จึงเสนอให้มีการกำหนดเงื่อนไข และแนวทางการใช้งบประมาณจำนวน 427,172,500 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้เกิดประสิทธิภาพและตรงตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริง
ในการส่งเสริมการส่งออกของไทย ดังนี้
1.
การให้ส่วนลดย้อนหลังแก่สายการเดินเรือที่นำเข้าตู้เปล่าระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม
2564 ที่ผ่านไปแล้ว
ไม่สามารถยืนยันได้ว่าสายการเดินเรือจะมีการนำเข้าตู้เปล่าและจัดสรรให้เพียงพอแก่ความต้องการของผู้ส่งออกในอนาคต
ดังนั้น การให้ส่วนลดค่าภาระตู้สินค้าเปล่าขาเข้าและชดเชยค่ายกขนตู้สินค้าเปล่าจึงควรกำหนดเงื่อนไขให้สายการเดินเรือต้องยืนยันปริมาณตู้สินค้าเปล่าขั้นต่ำที่จะนำเข้ามาในประเทศ
และการจัดสรรพื้นที่ระวางเรือ ให้เพียงพอต่อความต้องการของการส่งออกสินค้าของไทยในแต่ละเดือนต่อจากนี้
2.
ในกรณีที่สายการเดินเรือไม่สามารถยืนยันปริมาณตู้สินค้าเปล่าขั้นต่ำให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ส่งออก
หรือในทางปฏิบัติผู้ส่งออกยังไม่ได้รับการจัดสรรตู้สินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการ
อาทิ สายการเดินเรือยังมีการปฏิเสธการรับจองตู้และระวางการขนส่ง
สายการเดินเรือยังมีการส่งมอบตู้สินค้าล่าช้าจากที่ได้ยืนยันกำหนดการกับผู้ส่งออก ควรมีการพิจารณาจัดสรรงบประมาณจำนวน
427,172,500
บาท ให้กับผู้ส่งออกซึ่งเป็นผู้ประสบปัญหาที่แท้จริงโดยตรง
เพื่อให้ได้รับการเยียวยาจากปัญหาค่าระวางที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก
และไม่ได้รับการจัดสรรตู้สินค้า และการจัดสรรพื้นที่ระวางเรือ ให้เพียงพอต่อความต้องการของการส่งออก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น