โรคไตเป็นปัญหาทางสุขภาพที่มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมปัจจุบันเพราะลักษณะนิสัยการรับประทานอาหารที่มีรสเค็มและอาหารที่คล้ายคลึงกับโลกตะวันตก นำมาด้วย โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ซึ่งโรคเหล่านี้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคไตในอันดับต้น ๆ และนำมาสู่ภาวะไตวาย
พญ.พิชชาพร นิสสัยสรการ อายุรแพทย์โรคไตและผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายไต กล่าวว่า ในปัจจุบันมีคนไทยเป็นโรคไต 8 ล้านคนโดยในจำนวนนี้มีผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้ายที่ทำการฟอกเลือดอยู่กว่า 1 แสนคน ล้างไตทางช่องท้องกว่า 3 หมื่นคนและมีผู้ป่วยได้รับการปลูกถ่ายไตกว่า 6 พันคน กว่าที่วงการแพทย์จะเจริญก้าวหน้าอย่างในปัจจุบัน ได้ผ่านการพัฒนามาโดยตลอด หากมองย้อนกลับไปจะพบว่าวิธีการรักษาโรคไตในปัจจุบันค่อนข้างใหม่และเพิ่งเกิดขึ้นในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาไม่นาน โดยการรักษาโรคไตมีวิวัฒนาการอย่างก้าวกระโดดในปี ค.ศ. 1945 เมื่อวิลเลียม คอลฟฟ์ แพทย์ชาวดัตช์ได้คิดค้นอุปกรณ์การฟอกเลือดและการทำฟอกไตทางเส้นเลือดได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก
ซึ่งหากย้อนรำลึกถึง
การรักษาโรคไตจากอดีตถึงปัจจุบัน ทำให้คิดถึงแพทย์อีกกลุ่มหนึ่งที่พยายามทำการปลูกถ่ายอวัยวะที่ได้เริ่มขึ้นครั้งแรกจากการทดลองในสัตว์ในต้นคริสต์ศตวรรษ1900 ที่ประเทศออสเตรีย โดยเริ่มจากการนำไตจากสุนัขมาปลูกถ่ายในแพะ หลังจากนั้นได้มีความพยายามหลายครั้งในการปลูกถ่ายอวัยวะจากสัตว์สู่คน (ไตแพะและไตหมู ในปี ค.ศ.1906 โดยผู้ป่วยปลูกถ่ายทั้งสองเสียชีวิตภายในไม่กี่วัน หลังการผ่าตัด โดยตรวจพบภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่เส้นเลือดของไต) และจากคนสู่คน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1936 เป็นต้นมา แต่อวัยวะเหล่านี้ไม่สามารถทำงานได้เลยเมื่อมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ได้รู้ว่าสาเหตุหลักที่ทำให้การปลูกถ่ายอวัยวะจากคนสู่คนไม่สำเร็จ เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเอง ในสมัยแรก ๆ ได้พยายามทำการปลูกถ่ายอวัยวะโดยที่หมู่เลือดของผู้ให้กับผู้รับไม่ตรงกัน ไตจึงทำงานไม่ได้ ต่อมาจึงเริ่มเรียนรู้ว่าอวัยวะที่จะทำงานได้ดีและนานที่สุดมักมาจากการปลูกถ่ายระหว่างคนที่มีเนื้อเยื่อที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด
ความรู้นี้นำไปสู่จุดพลิกผันที่
สำคัญอีกจุดหนึ่งของวงการปลูกถ่
ายอวัยวะ ซึ่งก็คือเมื่อแพทย์ผ่าตัดที่ชื่
อ
ดร.โจเซฟ เมอร์เรย์ และได้ทำการปลูกถ่ายไตจากคนสู่
คนสำเร็จครั้งแรกในปี ค.ศ. 1954 ในคู่แฝดเหมือนที่โรงพยาบาลบริ
กแฮม เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ทีมของ ดร.เมอร์เรย์ ได้ทำการศึกษาต่อยอด จนกระทั่งสามารถทำการปลูกถ่
ายไตในคนไข้ที่ไม่ได้เป็นญาติกั
นได้สำเร็จ โดยใช้ยากดภูมิ (ยาสเตรียรอยด์ร่วมกั
บเอซาไธโอพรีน หรือ
Azathioprine)ในปี ค.ศ. 1962 ทำให้การค้นพบครั้งนี้ถือว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่มหาศาลของวงการแพทย์และทำให้ดร.โจเซฟ เมอร์เรย์ ได้รับรางวัลโนเบล ในปี ค.ศ.1990 ด้านสรีรวิทยาหรือการแพทย์ในเวลาต่อมา
ในปัจจุบันการรักษาโรคไตได้มี
การพัฒนาการไปอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาฉีดกระตุ้
นการสร้างเม็ดเลือดแดงเพื่อรั
กษาภาวะซีดในผู้ป่วยโรคไตเรื้
อรัง การพัฒนายาที่ใช้รักษาความผิ
ดปกติของกระดูกในโรคไตเรื้อรั
งและการฟอกเลือดหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นการฟอกไตทางเส้นเลื
อดหรือผ่านทางผนังหน้าท้
องและยากดภูมิใหม่ ๆ ที่ใช้ในการปลูกถ่ายไตเพื่
อทำให้อวัยวะนั้นอยู่ได้อย่างยื
นยาวกว่า
ในประเทศไทยได้พัฒนาการดูแลรักษารักษาโรคไตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การป้องกันโรค รณรงค์ลดเค็ม การใช้ยาใหม่ๆเพื่อชะลอไตเสื่อม ยากระตุ้นเม็ดเลือด การบำบัดทดแทนไตหรือแม้กระทั่งการปลูกถ่ายไต รวมทั้งเพิ่มการเข้าถึงการบริการและการเบิกจ่ายจากกองทุนหลักประกันสุขภาพ กองทุนประกันสังคม และกรมบัญชีกลางสำหรับสิทธิข้าราชการ สิทธิการรักษายังครอบคลุมถึงผู้ป่วยติดเชื้อ เอชไอวี หรือโควิด-19 ที่มีภาวะไตวาย รวมถีงการปลูกถ่ายหัวใจและตับอีกด้วย
ความรู้ทางโรคไตและการปลูกถ่
ายยังคงมีการพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆในขณะนี้มีการศึกษาเทคโนโลยี
ใหม่ ๆ มากมายที่หากทำสำเร็จ จะนับเป็นก้าวสำคัญสู่การบุกเบิ
กทางการแพทย์ยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตอวัยวะไตเที
ยมขนาดเล็กที่มีเนื้อเยื่อคล้
ายไต สามารถพกพาติดตัวผู้ป่วยได้หรื
อการทำการปลูกถ่ายอวัยวะจากสั
ตว์สู่คน เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนผู้บริ
จาคอวัยวะ ทั้งนี้จุดมุ่งหมายของการศึ
กษาและพัฒนาที่กล่าวมาทั้งหมดนั้
น ก็เพื่อนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิ
ตที่ดีขึ้นของผู้ป่วยโรคไตนั่
นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น