COLOR แตกไลน์ธุรกิจพลังงานทดแทน เพิ่มแหล่งที่มารายได้-กระจายความเสี่ยงธุรกิจ หนุนผลงานในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โตเด่น - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2564

COLOR แตกไลน์ธุรกิจพลังงานทดแทน เพิ่มแหล่งที่มารายได้-กระจายความเสี่ยงธุรกิจ หนุนผลงานในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โตเด่น

 


COLOR ส่งซิกแนวโน้มธุรกิจในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โตแกร่ง หลังสยายปีกธุรกิจพลังงานทดแทน เพิ่มแหล่งที่มาของรายได้-กระจายความเสี่ยงธุรกิจ-มาร์จิ้นสูง ฟากผู้บริหาร “พีรพันธ์ จิวะพรทิพย์”ใส่เกียร์เดินหน้า สั่งซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อลุยขยายกำลังการผลิตทุ่นลอยน้ำโซล่าร์เซลล์ในเดือนก.ค.นี้  พร้อมบุกตลาดโซลาร์รูฟ โรงงานอุตสาหกรรมไซส์กลาง เพิ่มฐานรายได้ประจำ เสริมแกร่งธุรกิจเดิม     

 

นายพีรพันธ์ จิวะพรทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) (COLOR) ผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์ เม็ดพลาสติกคอมพาวด์ และสีผสมพลาสติกชนิดผง เปิดเผยว่า บริษัทฯได้มีการแตกไลน์สู่ธุรกิจพลังงานทดแทน ผ่านบริษัท เดอะบับเบิ้ลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ประจำ (Recuring Income) และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ อีกทั้งธุรกิจดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) โดยมั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

 

ทั้งนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องจักรผลิตและจำหน่ายทุ่นลอยน้ำได้ในเดือนกรกฎาคมนี้  ในปัจจุบันมีคำสั่งซื้อแล้ว 1- 2 ราย  และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในช่วงปลายปีนี้  นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายฐานลูกค้าในส่วนของผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางและเล็ก ที่ต้องการลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้

 

“แนวโน้มผลการดำเนินในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งจากธุรกิจเดิม ที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6-7% และมีรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนเข้ามาเสริมแกร่งในอนาคต ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีออเดอร์เข้ามา และอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้า และคาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า”

 

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส1/2564 มีกำไรสุทธิ 21.87  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 14.75  ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21 ล้านบาท หรือ 8 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 259 ล้านบาท เนื่องจากการทําตลาดในสินค้าประเภทใหม่ๆ เพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทฯมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ดีขึ้น ทําให้ช่วยประหยัดต้นทุนการผลิต ส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 23.8 %  เพิ่มขึ้น 2.3% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad