LEO จับมือวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัย จ.อุทัยธานี สร้างโมเดลธุรกิจ “ขายต้นกล้ากัญชา” ส่งเสริมรายได้ให้ชุมชน สยายปีกต่อยอดธุรกิจ Non-logistics หนุนการเติบโตให้ก้าวกระโดด - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

LEO จับมือวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัย จ.อุทัยธานี สร้างโมเดลธุรกิจ “ขายต้นกล้ากัญชา” ส่งเสริมรายได้ให้ชุมชน สยายปีกต่อยอดธุรกิจ Non-logistics หนุนการเติบโตให้ก้าวกระโดด

 


บมจ. ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ ( LEO) ผนึกกำลังวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัย จ.อุทัยธานี สนับสนุนการเพาะพันธุ์ต้นกล้าจำหน่ายเชิงพาณิชย์ สร้างรายได้ให้เกษตรกรท้องถิ่นและสมาชิกวิสาหกิจชุมชนฯ สนองนโยบายรัฐส่งเสริมธุรกิจกัญชา ก้าวสู่ระบบอุตสาหกรรมโลก ฟากผู้บริหาร   “เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์”มอบเงิน 1.5 ล้านบาท ส่งเสริมอาชีพในชุมชน ต่อยอดธุรกิจ Non-logistics ผลักดันผลงานในอนาคตโตติดปีก

 


นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) ดำเนินธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกับวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัย ณ  หุบป่าตาด อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี โดยมี น.ส.ปานัดฌา ไทยเศรษฐ์ นายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี  ร่วมเป็นประธานในพิธีลงนามสนับสนุนโครงการเพาะพันธุ์ปลูกขายต้นกล้ากัญชา

 

ทั้งนี้ เพื่อสานต่อให้โครงการเดินหน้าบรรลุเป้าหมายใด้สำเร็จ บริษัทฯได้มอบเงินจำนวน 1,500,000 บาท สนับสนุนแผนลงทุนขยายเพาะพันธุ์ต้นกล้ากัญชาทั้งสายพันธุ์ไทย และสายพันธุ์นอกต่อเนื่อง รวมจำนวน 100,000 ต้น เพื่อจัดจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ และยังเป็นการสร้างอาชีพให้กับชุมชน สามารถมีรายได้ และพึ่งตนเองได้ โดยจะเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ฟาร์มเพาะปลูกกัญชาแบบเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษให้แก่ผู้สนใจ และลูกค้าของบริษัทฯ เข้าเยี่ยมชม ตลอดฤดูกาล


 

“การร่วมมือระหว่าง LEO และวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัยฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งพันธกิจของ LEO ในการสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนของสังคม  (Sustainable Development) เพราะวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัยนี้ ถือเป็นธุรกิจเพื่อสังคม ( Social Enterprise) ของชาวจังหวัดอุทัยธานี ที่มีเป้าหมาย ในการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับชุมชน เพื่อกระจายรายได้ สร้างอาชีพในชุมชน แก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาสังคมไปพร้อมๆ กับการสร้างผลกำไร เพื่อให้ธุรกิจของวิสาหกิจ สามารถดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน  ” นายเกตติวิทย์ กล่าว

 

 

ด้านนายไกรราช  เล่าเกษตรวิทย์  ประธานวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัยเกษตรปลอดภัย กล่าวว่า  มีความยินดีอย่างยิ่ง ที่บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO)  ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมานานกว่า 32 ปี  ที่เล็งเห็นโอกาสรวมทั้งตอบสนองต่อนโยบายแห่งภาครัฐ เรื่องปลดล็อคกัญชาและกัญชง ช่วยส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนฯ สามารถเพาะปลูกขายต้นกล้ากัญชา  ทำให้เกษตรกรท้องถิ่นและสมาชิกวิสาหกิจชุมชนฯ สามารถพึ่งพาตนเองและสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

 

นอกจากนี้ทางวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัย ก็ยังมีแผนธุรกิจที่จะทำการปลูกกัญชาเพื่อให้ได้ช่อดอก และนำมาผลิตและจำหน่ายเพื่ออุตสาหกรรมทางการแพทย์ในลักษณะต้นน้ำและกลางน้ำ เพื่อสร้างรายได้และอาชีพให้กับชุมชนของวิสาหกิจฯ ได้อย่างยั่งยืน โดยที่ทาง LEO ก็ยินดีที่จะร่วมสนับสนุนในการพัฒนาธุรกิจนี้ต่อไป

 

ปัจจุบัน วิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัย ตั้งอยู่เลขที่ 199/9 หมู่ที่ 6 ตำบลสุขฤทัย อำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ได้จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 บนพื้นที่เพาะปลูก 8 ไร่ มีพื้นที่เพาะปลูกในโรงเรือนขนาด 360 ตารางเมตร (12 30 เมตร) จำนวน 10 โรงเรือนควบคุมด้วยระบบ “เกษตรอัจฉริยะ” สามารถกำหนดและควบคุมปัจจัยการปลูกต้นกัญชา เช่น อุณหภูมิ แสงแดด ไฟฟ้า  น้ำ  ดิน ความชื้นและศัตรูพืชได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ผลผลิตจากต้นกัญชาอย่างมีคุณภาพ อีกทั้ง วิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัย ยังได้รับใบอนุญาตผลิตและปลูกกัญชา  และใบอนุญาตจำหน่ายกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ (กรณีจำหน่ายวัตถุดิบพืช) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO กล่าวต่อว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดธุรกิจของกลุ่ม LEO ภายใต้จุดแข็งในฐานะผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ในกลุ่ม Non-logistics ซึ่งจากกระแสความนิยมกัญชง-กัญชา ที่สามารถนำสารสกัดไปเป็นวัตถุดิบและสารตั้งต้น เพื่อใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยา เครื่องดื่ม  เครื่องสำอางและอาหารได้   ส่งผลให้บริษัทฯ มีความสนใจที่จะเข้ามาศึกษาธุรกิจและวางแผนที่ต่อยอดผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากกัญชงและกัญชาให้เป็นหนึ่งในธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ในอนาคต พร้อมทั้งมีส่วนช่วยเหลือสังคมและชุมชนในจังหวัดอุทัยธานี  ให้มีงานทำและมีรายได้ที่มั่นคงตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad