การเติมเกลือในอาหารกับอันตรายจากการการเสียชีวิตก่อนวัย เสี่ยงเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคมะเร็ง - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

การเติมเกลือในอาหารกับอันตรายจากการการเสียชีวิตก่อนวัย เสี่ยงเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคมะเร็ง

 การเติมเกลือในอาหารกับอันตรายจากการการเสียชีวิตก่อนวัย

เสี่ยงเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคมะเร็ง

 

                                      โดย รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็มและนายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย และแพทย์หญิงรุ่งทิวา กิจเพิ่มเกียรติ อายุรแพทย์โรคไต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี



รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็มและนายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย และพญ.รุ่งทิวา กิจเพิ่มเกียรติ อายุรแพทย์โรคไต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยว่า จากงานวิจัย Hao Ma และคณะ ตีพิมพ์ในวารสาร European Heart Journal (ehac208) ในเดือนกรกฎาคม 2565 ได้ค้นพบว่าความถี่ของการเติมเกลือในอาหารที่บ่อยขึ้นสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยที่มากขึ้น ส่วนการรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง  เช่นผักและผลไม้ อาจจะมีส่วนในการลดความเสี่ยงของการเติมเกลือในอาหารและอัตราการเสียชีวิตได้


เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการกินเกลือและสุขภาพ ยังเป็นปัญหาที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน การเติมเกลือในอาหารมีความสัมพันธ์โดยตรงกับความชอบรสชาติเค็มและปริมาณเกลือที่ได้รับในแต่ละวัน ดังนั้นการศึกษานี้จึงเน้นนำในเรื่องของความถี่ในการเติมเกลือในอาหารมาเป็นตัวแทนเพื่อดูความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมลักษณะนิสัยของการกินเกลือและอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร


ทั้งนี้จากรายละเอียดที่นักวิจัยได้จัดทำการศึกษาเป็นหมู่คณะจำนวนกว่า แสนคน จาก 22 สถาบันในประเทศสหราชอาณาจักร ได้แก่ อังกฤษ สก๊อตแลนด์ และเวลส์ ตั้งแต่ปี 2006 ถึง ปี 2010 โดยจะให้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความถี่ในการเติมเกลือในอาหาร (ไม่นับรวมการเติมช่วงระหว่างปรุงอาหาร) และตรวจปัสสาวะเพื่อดูปริมาณเกลือโซเดียมและโพแทสเซียม สำหรับข้อมูลการเสียชีวิตจะนำข้อมูลมาจากศูนย์บริการสุขภาพแห่งชาติในอังกฤษ เวลส์ และสก๊อตแลนด์

โดยผลการศึกษาพบว่า ความถี่ในการเติมเกลือในอาหารมีความสัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณเกลือโซเดียมในปัสสาวะและมีความสัมพันธ์แบบตรงกันข้ามกับปริมาณโพแทสเซียมในปัสสาวะ สำหรับอัตราการเสียชีวิตก็เพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.02 เท่า 1.07 เท่าและ 1.28 เท่าในกลุ่มเติมเกลือในอาหารบางครั้ง บ่อยครั้งและทุกครั้งตามลำดับ  เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่เคยเติมเกลือในอาหารเลย และเมื่อนำปัจจัยอื่น ๆ มาวิเคราะห์ร่วมด้วย  เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไตเสื่อมเรื้อรัง ชนิดของอาหาร ก็ไม่ทำให้ผลการศึกษาเปลี่ยนแปลงไป การวิเคราะห์เพิ่มเติมโดยปรับด้วยปริมาณโพแทสเซียมในปัสสาวะหรือการบริโภคอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงไม่ได้เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อย่างมีนัยสําคัญ  ซึ่งบ่งชี้ว่าความสัมพันธ์เชิงบวกที่สังเกตได้ระหว่างการเติมเกลือลงในอาหารและการเสียชีวิตส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากการบริโภคโซเดียมสูงมากกว่าการบริโภคโพแทสเซียมต่ำ

โดยสาเหตุการเสียชีวิตพบว่า ความถี่ในการเติมเกลือในอาหารสัมพันธ์กับการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคมะเร็งอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนี้จากการคำนวณปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เพิ่มเติมยังพบว่าการรับประทานผักและผลไม้ที่เพิ่มขึ้นสามารถลดความเสี่ยงของอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นจากการเติมเกลือในอาหารได้

จากข้อมูลทางด้านการศึกษางานวิจัยดังกล่าว ช่วยให้ข้อมูลและความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคเกลือ โดยยิ่งเติมเกลือในอาหารบ่อยขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยมากขึ้น โดยความถี่ของการเติมเกลือในอาหารสามารถประเมินและนำไปใช้ได้ง่าย ดังนั้นอาจจะมีประโยชน์ในการปรับรูปแบบอาหารในอนาคตต่อไป ส่วนในประเทศไทยที่ประชาชนนิยมเติมน้ำปลาและเครื่องปรุงรส ซึ่งล้วนประกอบด้วยโซเดียมเป็นส่วนประกอบเช่นเดียวกับเกลือ ก็ควรลดการเติมให้น้อยลงด้วยเพื่อสุขภาพในระยะยาว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad