องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย หรือ MTJA จัดงาน Malaysia-Thailand Joint Authority 40th Anniversary Celebration ของการลงนามบันทึกความเข้ าใจระหว่างราชอาณาจั กรไทยและมาเลเซียเกี่ยวกับการจั ดตั้งองค์กรร่วมเพื่ อแสวงประโยชน์จากทรัพยากรปิ โตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย- มาเลเซีย (Joint Development Area: JDA) ในอ่าวไทย ผลงานความร่วมมือระหว่ างประเทศที่ได้รับการชื่ นชมจากนานาชาติในเวทีระหว่ างประเทศที่สามารถแก้ปัญหาพื้ นที่ทับซ้อนอย่างสร้างสรรค์ และเกิดประโยชน์ พร้อมเดินหน้าสร้างความสัมพันธ์ โดยผู้แทนสองประเทศร่วมตอกย้ำถึ งความร่วมมือในอนาคต
โดยการจัดงานครั้งนี้ได้รับเกี ยรติจาก ดาโต๊ะศรี โมฮัมเหม็ด อั๊สมิน อาลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิ จของมาเลเซีย และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลั งงานของไทย ร่วมเป็นประธาน พร้อมด้วย ดร.คุรุจิต นาครทรรพ ประธานกรรมการร่วมฝ่ายไทย องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย, ตันศรี ดร.ราฮาหมัด บีวี ยู-ซอฟ ประธานกรรมการร่วมฝ่ายมาเลเซีย, ดร.วิศรุต ตั้งสุนทรขัณฑ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริ หารองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย, Mr.Muluk Wahab Deputy Chief Executive officer of Malaysia-Thailand joint Authority และคณะผู้บริหารระดับสูงทั้ งจากประเทศไทยและมาเลซียกว่า 300 คน จัดงาน ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
สำหรับบรรยากาศในงาน ได้มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ ยวกับเป็นมาและความสำเร็จตลอด 40 ปี ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJA), นิทรรศการด้านพลังงานจากบริษั ทชั้นนำอย่าง บริษัท PTTEP, PETRONAS, HESS รวมทั้งการมอบโล่ขอบคุณองค์กรที่ เกี่ยวข้องกับพื้นที่พัฒนาร่ วมไทย-มาเลเซีย, การแสดงมินิคอนเสิร์ตจากกบ เสาวนิตย์ ศิลปินสาวดีว่าเมืองไทย, การแสดงวัฒนธรรม 4 ภาคจากประเทศไทย และตื่นตาตื่นใจกับการแสดง Zapin Dance จากมาเลเซีย และการแสดงเมดเลย์ไทย-มาเลเซีย กับ Likay Hulu ที่ผสมผสานศิลปวัฒนธรรม 2 ประเทศเพื่อสื่อถึงความสัมพันธ์ ที่ดีต่อกันมายาวนาน
องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJA) ถือเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ ในการปฏิบัติหน้าที่แทนรั ฐบาลเกี่ยวกับการดู แลสำรวจและแสวงหาผลประโยชน์ จากทรัพยากรปิโตรเลียมในพื้นที่ พัฒนาร่วมบนพื้นฐานของการแบ่งปั นผลประโยชน์อย่างเท่าเทียม บนพื้นที่ประมาณ 7,250 ตารางกิโลเมตร ทั้งการจัดการค่าใช้จ่ ายและผลประโยชน์ที่เกิดจากกิ จกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลี ยมในพื้นที่พัฒนาร่วมฯ ภายใต้เงื่อนไขของระบบสัญญาแบ่ งปันผลผลิต (Production Sharing Contract) เป็นระยะเวลา 50 ปี ซึ่งรัฐบาลไทยและมาเลเซีย รับภาระและแบ่งปันโดยเท่าเที ยมกันในสัดส่วน 50:50 นับเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ด้ านปิโตรเลียมร่วมกันและแก้ไขข้ อพิพาทได้อย่างสันติ จนเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมี ความความสำคัญและสร้ างผลประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่ างมหาศาล เพราะเป็นแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติ ขนาดใหญ่ที่ส่งเข้าไทยเฉลี่ย 509 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 16 ของการจัดหาก๊าซของประเทศ (3,252 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน) โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนแรกถูกส่งไปยังจั งหวัดสงขลาและโรงไฟฟ้าจะนะจำนวน 163 ล้าน ลบ.ฟุต เพื่อเป็นเชื้อเพลิงหลั กในการขนส่งของภาคใต้ตอนล่ างและส่งก๊าซให้กับสถานีบริการ NGV ทั้ง 12 แห่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี ส่วนที่สองจะถูกส่งไปยังจังหวั ดระยองจำนวน 346 ล้าน ลบ.ฟุต เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรั บภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเชื้ อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้ าของภาคกลางและภาคตะวันออก
ในปัจจุบันบนพื้นที่พัฒนาร่วมนี้ มีแหล่งผลิตปิโตรเลียมและก๊ าซธรรมชาติ จำนวน 3 แปลง ได้แก่ แปลง A-18, แปลง B-17& C-19 และ B-17-01 ซึ่งมีประโยชน์ต่อเศรษฐกิ จหลายด้าน ทั้งการสร้างงานให้กับผู้คนได้ มากกว่า 50,000 ตำแหน่ง สนับสนุนทุนวิจัยให้กับมหาวิ ทยาลัยในมาเลเซียและไทยจำนวน 16 โครงการมากกว่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐ และข้อมูลในปี 2562 พบว่าพื้นที่ดังกล่าวสามารถผลิ ตก๊าซธรรมชาติตามสัญญาได้เฉลี่ ยประมาณ 1,200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ผลิตคอนเดนเสทหรือก๊าซธรรมชาติ เหลวเฉลี่ยประมาณ 16,700 บาร์เรลต่อวัน รวมรายได้ที่เกิดขึ้นระหว่ างสองประเทศประมาณ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในด้าน “ผลกำไรที่จับต้องไม่ได้” คือการแลกเปลี่ยนความรู้การสร้ างทักษะ กำลังการผลิต และการเติบโตของฐานการวิจัยที่ แข็งแกร่งในแหล่งผลิตก๊ าซธรรมชาติ หลังจากครบ 50 ปีของการลงนามบันทึกความเข้ าใจในปี พ.ศ. 2572 ทั้งประเทศไทยและมาเลเซียเชื่ อมั่นว่าจะยังดำเนินการความร่ วมมือต่อไปด้ วยการขยายขอบเขตการทำงานที่ มากขึ้นเพื่อยกระดับสภาพความเป็ นอยู่ และวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศั ยในพื้นที่ชายแดนของ 2 ประเทศ และยังมีแนวโน้มที่จะขยายความร่ วมมือเช่นเดียวกันนี้ไปยั งประเทศอื่นๆในภูมิภาคอาเซียนด้ วยเช่นกัน
นอกจากการพัฒนาด้านพลังงานแล้ว ระหว่างสองประเทศยังมี กรอบในการดำเนินงานด้านความยั่ งยืนทั้งระยะสั้ นและระยะยาวสำหรับสังคมและชุมชน ในรูปแบบกองทุนที่จัดตั้งโดย MTJA เพื่อทำการวิจัยเทคโนโลยีและพลั งงานสะอาด สร้างการมีส่วนร่วมในการเปลี่ ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะเป็นการดำเนินงานในเชิงลึ ก สร้างการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริ งในการเรียนรู้และแบ่งปันความรู้ เพื่อส่งต่อให้กับคนรุ่นต่ อไปในอนาคตที่จะยึดมั่นในวิถี และแนวคิดเพื่อให้เติบโตได้อย่ างยั่งยืนเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น