“นอร์ติส ไรส์” ผนึก “ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่” ศึกษาตลาดคาร์บอนเครดิต ลุยแคมเปญ Climate Positive+ ชู “digiMint” แพลตฟอร์มคนรักษ์โลก และ “DiM” คริปโตฯ พลังงานไทยรายแรก

 กรุงเทพฯ ประเทศไทย – นอร์ติส ไรส์ (Nortis Rise) บริษัทผู้พัฒนา "Internet of Solar" เชื่อมพลังงานทางเลือกสู่โลกดิจิทัลรายแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ “นอร์ติส กรุ๊ป” (Nortis Group) จับมือ “ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่” (Thai Solar Energy : TSE) ผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานทดแทนระดับประเทศ ลุยแคมเปญ “Climate Positive+” เพื่อศึกษาการรวบรวมคาร์บอนเครดิตจากการใช้พลังงานหมุนเวียนผ่านระบบโซลาร์และระบบชีวมวล กว่า 50 เมกะวัตต์ (MW) นำร่องชุมชนดิจิทัลประหยัดพลังงาน “digiMint” (ดิจิมินต์) พร้อมผุดเหรียญ DiM (ดิม) คริปโตเคอร์เรนซีเหรียญแรกของวงการพลังงานไทย ที่พัฒนาโดยบริษัทไทย ตั้งเป้าพลิกโฉมการให้บริการด้านพลังงานสู่ยุคดิจิทัล พร้อมส่งเสริมความตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพให้กับทุกคน

 

คุณศรันย์ เหล่าอยู่คง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท นอร์ติส ไรส์ จำกัด เปิดเผยว่า นอร์ติส ไรส์ ได้มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน และโครงการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และขับเคลื่อนความตระหนักในการประหยัดพลังงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้นำ IoT (Internet of Things) เข้ามาใช้กับระบบโซลาร์มานานกว่า 5 ปี ล่าสุดได้เปิดตัวแคมเปญ “Climate Positive+” แคมเปญสร้างความตระหนักในการใช้พลังงานทดแทนอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการประกอบด้วยการพัฒนา “DigiMint” (ดิจิมินต์) แพลตฟอร์มพลังงานที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นชุมชนใหม่ของคนรักษ์โลกที่เป็นเสมือนศูนย์รวมการศึกษาและการใช้พลังงานทดแทนอย่างมีประสิทธิภาพ และ “DiM” (ดิม) คริปโตเคอร์เรนซีพลังงานไทยรายแรก โดยมีเป้าหมายในการรวบรวมคาร์บอนเครดิตจากระบบพลังงานทดแทน 1,000 เมกะวัตต์ (MW)  ภายใน 5 ปี

 

ภายใต้แคมเปญ “Climate Positive+” นอร์ติส ไรส์ ยังได้ร่วมมือกับ บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) เพื่อศึกษาการรวบรวมคาร์บอนเครดิตกว่า 50 เมกะวัตต์ (MW) ในช่วงครึ่งปีแรกของการดำเนินงาน โดยมาจากการใช้พลังงานหมุนเวียนผ่านระบบโซลาร์และระบบชีวมวล ซึ่งนับเป็นการนำร่องโครงการฯ และ “digiMint” แพลตฟอร์มชุมชนประหยัดพลังงานอย่างแข็งแกร่ง ปัจจุบันแพลตฟอร์มนี้ได้เริ่มมีผู้ใช้พลังงานสะอาดทั้งรายย่อยและอุตสาหกรรมรายใหญ่เข้ามามีส่วนร่วมลดโลกร้อน โดยเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนการลดคาร์บอน (Carbon Reduction) เป็น DiM Token ซึ่งจะมีมูลค่าเทียบเคียงกับราคาคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ตามมาตรฐานสากล โดย DiM มีโอกาสที่จะเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนในตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตในอนาคตอีกด้วย

 

“การเปิดตัวแพลตฟอร์ม digiMint และ DiM โทเคนด้านพลังงานทดแทนของเราครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นที่เราได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยแพลตฟอร์ม digiMint นับเป็นผลงานเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอันภาคภูมิใจ ซึ่งมีความปลอดภัยบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ใช้งานง่าย และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ในขณะที่ DiM Token จะทำหน้าที่เป็นแรงจูงใจทางการเงินให้กับผู้ใช้พลังงานทดแทน รวมถึงความร่วมมือกับ “ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่” ผู้นำระดับประเทศด้านพลังงานทดแทนนั้น จะสามารถสร้างพฤติกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ในวงกว้าง มีส่วนผลักดันการเติบโตสูงของอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและการกำจัดคาร์บอนอีกด้วย” ศรันย์กล่าว

 

ด้าน ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ นอร์ติส ไรส์ ในการผลักดันโครงการลดโลกร้อนที่สำคัญอีกโครงการหนึ่งให้เกิดขึ้นจริง และเดินไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน การร่วมมือครั้งนี้นับเป็นการเริ่มต้นที่แข็งแกร่ง เพื่อกระตุ้นการรับรู้ของผู้ใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างกว้างขวาง ภายใต้ชุมชน digiMint ที่อยู่ในแคมเปญ Climate Positive+ นั้น สามารถสร้างการเข้าร่วมได้ทุกคน ตั้งแต่ระดับบุคคลไปจนถึงองค์กร และภาครัฐ และจะช่วยให้เกิด “สังคมสีเขียว” ได้อย่างแน่นอน”

 

“DiM” เป็นคริปโตเคอร์เรนซีของวงการพลังงานไทย โดยผู้ที่ใช้พลังงานทดแทนและเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม Climate Positive+ จะได้รับเหรียญ DiM ได้จากการประหยัดพลังงาน ซึ่งสามารถสะสมเหรียญ DiM เพื่อนำเหรียญไปใช้ใน Ecosystem พลังงานได้ เช่น การลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์ หรือเทรดเข้าสู่ตลาดคริปโตฯ ในอนาคตต่อไป ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม DigiMint มีเป้าหมายเพื่อสร้างกำลังการผลิตทดแทน (renewable generation) 1,000 เมกะวัตต์ (MW) ที่เทียบเท่าทั้งหมด เป้าหมายการออกโทเคน (issuance) 1,000,000,000 โทเคน โดยเป้าหมาย มูลค่า 1 DiM = USD 0.0286 (จากสมมติฐานมูลค่า ณ ปัจจุบัน)

 

ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแคมเปญ “Climate Positive+” และ “DiM Token” ได้ที่ https://climatepositive.ai/