JR เตรียมขายไอพีโอ 200 ล้านหุ้น ระดมทุนยกระดับเป็นผู้นำธุรกิจวิศวกรรมระบบไฟฟ้า-โทรคมนาคม เล็งเข้าจดทะเบียนใน SET ปีนี้ - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563

JR เตรียมขายไอพีโอ 200 ล้านหุ้น ระดมทุนยกระดับเป็นผู้นำธุรกิจวิศวกรรมระบบไฟฟ้า-โทรคมนาคม เล็งเข้าจดทะเบียนใน SET ปีนี้

 


"เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ " (JR) เตรียมขายไอพีโอ 200 ล้านหุ้น คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2563 หวังระดมทุน เพื่อขยายฐานทุน และยกระดับเป็นผู้นำธุรกิจวิศวกรรมวางระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร รวมถึงเพิ่มศักยภาพการบริหารงานอย่างมืออาชีพ พร้อมกับสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง

            นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของบริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้นไอพีโอเรียบร้อยแล้ว  โดยบริษัทฯมีแผนจะเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 200 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.32% ของทุนชำระแล้ว และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในปี 2563


            จุดเด่นของ JR  คือเป็นผู้ให้บริการงานวิศวกรรมที่สามารถให้บริการทั้งงานระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้ JR สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม  รวมทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ  ในขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการพื้นฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าและระบบ ICT ของประเทศ  นอกจากนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2  บริษัทฯ ยังมีงานในมือที่ลงนามในสัญญาแล้ว (Back Log) อยู่ประมาณ 6,400 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศ เป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู  ส่งผลให้รายได้ของ JR จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและแน่นอนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า  นอกจากนี้ โดยการบริหารงานด้วยความระมัดระวังทำให้ JR มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Interest Bearing D/E Ratio) อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 0.เท่า มาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2560  ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานะการเงินของบริษัทฯ และรองรับการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน   นายสมภพกล่าว    


ทั้งนี้ บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้างและติดตั้งงานระบบไฟฟ้า (Electrical Power System) และระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ (Telecommunication and Information Technology System) แบบครบวงจร  นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้บริการจำหน่ายอุปกรณ์ (Supply) และให้บริการบำรุงรักษา (Maintenance) สำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ 


            ปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 380 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 280 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 560 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 380 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 760 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท


            นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะช่วยให้บริษัทมีฐานทุนเพิ่มขึ้น จะทำให้สามารถรับงานที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ และยกระดับศักยภาพในการดำเนินธุรกิจสามารถก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำของอุตสาหกรรมธุรกิจวิศวกรรมระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างครบวงจร รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการบริหารงานและสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในระดับที่ดี


            "JR เป็นบริษัทฯที่มีศักยภาพ และเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจภายใต้แผนงานของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจจากแผนแม่บทโครงการเปลี่ยนระบบสายอากาศเป็นสายใต้ดิน ปี 2551-2565  รวมทั้งแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน  จากการที่บริษัทฯ มีความพร้อมในการให้บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้างและติดตั้งแบบครบวงจรทั้งงานด้านระบบไฟฟ้า และระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ  ส่งผลทำให้บริษัทฯ ได้รับงานที่เกี่ยวเนื่องต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และเมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะทำให้มีโอกาสในการขยายฐานลูกค้ามากขึ้น ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงการขยายขอบเขตงานให้หลากหลายสนับสนุนการเติบโตในอนาคต" นายจรัญกล่าว ในที่สุด


            ภาพรวมผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ในปี 2560 บริษัทฯมีรายได้รวม 967.60 ล้านบาท ปี 2561 อยู่ที่ 934.17 ล้านบาท ปี 2562 อยู่ที่  848.90 ล้านบาท และงวด เดือนแรกปี 2563 อยู่ที่ 464.78 ล้านบาท  ส่วนกำไรสุทธิเท่ากับ 41.25 ล้านบาท 82.93 ล้านบาท  60.75 ล้านบาท และ 29.93 ล้านบาท ตามลำดับ

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad