YLG เผยทองพักตัวหลังพุ่งแรงเฉียด ATH ชี้เป็นโอกาสสะสมซื้อ เหตุปีนี้ทองยังน่าสนใจเนื่องจากเงินเฟ้อสูง- ศก.โลกจ่อชะลอตัว - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2565

YLG เผยทองพักตัวหลังพุ่งแรงเฉียด ATH ชี้เป็นโอกาสสะสมซื้อ เหตุปีนี้ทองยังน่าสนใจเนื่องจากเงินเฟ้อสูง- ศก.โลกจ่อชะลอตัว


 วายแอลจีชี้หลังราคาทองทำเทสใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2,070 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากความไม่สงบรัสเซีย-ยูเครน  แต่ได้ปรับตัวลดลงหลังจากแรงขายทำกำไร  ขณะที่ตลาดกลับมาโฟกัสการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด  คาดเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยหลังเงินเฟ้อเดือนก.พ.พุ่งแตะระดับสูงสุดรอบ 40 ปีครั้งใหม่ แต่คาดราคาทองคำปีนี้ยังมีแนวโน้มสดใส เหตุสถานการณ์เงินเฟ้อยังรุนแรง หวั่นราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นฉุดเศรษฐกิจ  แนะนำนักลงทุนใช้โอกาสที่ราคาปรับตัวลง  กลับเข้าซื้ออีกครั้งหลังจากขายทำกำไรไปในช่วงก่อนหน้า  มองแนวรับ 1,953-1,900 ด้านทองในประเทศมองจุดซื้อ  30,700-30,000 ล่าสุดวายแอลจีร่วมมือ CME Group ตลาดอนุพันธ์อันดับหนึ่งที่มีภาพคล่องสูงที่สุดในโลก  เปิดให้บริการในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศที่เหตุเทรดได้ 24ชมไม่เว้นวันหยุดไทย ทั้ง COMEX Gold ,NYMEX Oil, S&P500, Dow Jones Nasdaq รวมไปถึง Crypto  เพิ่มช่องทางนักลงทุนไทยมุ่งสู่ตลาดโลกโดยไม่ผ่านกองทุน บริหารจัดการพอร์ตด้วยตัวเอง

 


นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า ในปีนี้ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนล่าสุด  ทองโลกสามารถขึ้นไปใกล้กับสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2,070 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ขณะที่ราคาทองคำในประเทศทะยานขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์  โดยขายออกที่ราคา 32,100 บาทต่อบาททองคำ และซื้อเข้าที่ราคา 32,000 บาทต่อบาททองคำ ก่อนที่จะย่อตัวลงมา แต่มองว่าปีนี้ราคาทองคำก็จะทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยปัจจัยสนันสนุนหลักๆ  อาทิ  สถานการณ์ในรัสเซียและยูเครน ที่สร้างความกังวลว่าจะยืดเยื้อและกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ที่จะกระทบราคาสินค้าประเภทอื่นๆ และส่งผลต่อเงินเฟ้อให้ปรับตัวขึ้นมากกว่าเดิม  ดังนั้น  แรงขายทำกำไรสลับออกมาจนราคาทองคำเริ่มปรับตัวลดลง มองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่เทขายออกคำออกไปแล้วได้กลับเข้ามาสะสมซื้อทองคำอีกครั้ง 

สำหรับคำแนะนำนักลงทุนในช่วงนี้ผู้ที่มีทองคำในพอร์ตเป็นจำนวนมากแนะนำให้แบ่งขายทำกำไรบางส่วนและถือต่อบางส่วน รวมถึงผู้ที่ลงทุนในตลาดล่วงหน้หากถือสถานะเป็นจำนวนมาก  แนะนำให้ลดสถานะการถือครองทองคำบางส่วน ด้วยการขายทำกำไรระยะสั้นเมื่อราคาปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน  2,020-2,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  แต่หากผ่านแนวต้าน 2,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้  แนะนำถือสถานะที่เหลือต่อเพื่อรอไปขายที่แนวต้านถัดไปโซน  2,070-2,075 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แล้วรอการอ่อนตัวลงของราคาจึงกลับเข้าซื้อบริเวณแนวรับด้านล่าง 

 

ส่วนผู้ที่ไม่มีทองคำอยู่ในพอร์ตนั้นแนะนำรอการอ่อนตัวลงเพื่อเป็นโอกาสทยอยซื้อ  โดยต้องระมัดระวังการไล่ซื้อ ซึ่งประเมินว่าการปรับตัวลงของราคาทองคำยังคงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเช่นเดิม  แต่แนะนำให้แบ่งเงินลงทุนเข้าซื้อ  โดยไม่เข้าซื้อที่แนวรับใดแนวรับหนึ่งเต็ม 100% ของพอร์ต  แนะนำเข้าซื้อแนวรับแรก  หากราคาทองคำหากสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,970-1,953 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ แต่หากราคาหลุดแนวรับบริเวณ 1,953 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ควรชะลอการเข้าซื้อออกไปยังแนวรับถัดไปที่ 1,900-1,890 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ 


ขณะที่การหลุด1,890 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จะทำให้ทิศทางราคาทองคำในระยะสั้นเป็นลบมากยิ่งขึ้น จึงอาจชะลอการเข้าซื้ออกไปเพื่อรอดูการตั้งฐานของราคาอีกครั้ง


 


อย่างไรก็ดีในช่วงนี้ไม่เพียงแต่ราคาทองคำเท่านั้นที่ปรับตัวขึ้นในระดับสูง แต่สินค้าโภคภัณฑ์อีกหลายชนิดก็ได้ปรับตัวขึ้นไปเช่นกัน การลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศจึงเป็นไปอย่างคึกคัก โดยปัจจัยหนุนที่ส่งผลให้นักลงทุนหันมาลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนมองหาทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อ นอกจากนี้การลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศยังเพิ่มโอกาสในการลงทุนที่หลากหลายเพราะครอบคลุมทั้งการลงทุนใน ทองคำ น้ำมันดิบ สินค้าโภคภัณฑ์ชนิดต่างๆ ดัชนีหุ้นสหรัฐทั้ง S&P500, Dow Jones Nasdaq รวมถึง cryptocurrency สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง อีกทั้งสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชม. ไม่เว้นวันหยุดของประเทศไทย ทั้งนี้ YLG ได้ร่วมมือกับ CME Group เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่เทรดผ่าน YLG futures สามารถเข้าถึงทุกสินค้าของ CME Group ทุกบริการ เช่น Precious Metal futures ,Oil futures ,Cryptocurrency futures , Forex futures ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งกองทุนสถาบันในการเข้าไปซื้อขายสินค้า พร้อมเชื่อมต่อ Exchange ทั่วทั้งโลกไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง หรือ สิงคโปร์ ทำให้นักลงทุนและนักเก็งกำไรสามารถจัดการกับความเสี่ยงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งพบว่านักลงทุนให้การตอบรับดีเกินคาด เพราะสามารถบริหารพอร์ตเองโดยไม่ต้องผ่านการบริหารของกองทุนรวม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad