กรุงเทพฯ ประเทศไทย – “CASETiFY” (เคสทิฟาย) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก ผู้พัฒนาเคสมือถือและอุปกรณ์เสริมไอทีที่ได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่และเซเลบริตี้ทั่วโลก เปิดตัว “Bounce Case” (เบาซ์ เคส) เคสสมาร์ตโฟนที่ปกป้องได้ดีที่สุดแห่งยุค พร้อมการเปิดตัวของ iPhone 14 ที่เอาใจชาวแอปเปิ้ลแบบจัดเต็ม รวมถึงอัพเกรด 2 เคสรุ่นขายดี “Impact” และ “Ultra-Impact” ให้ทนทานกว่าที่เคยมีมา
“Bounce Case” มาพร้อมกับคุณสมบัติที่โดดเด่นอย่าง "Bounce Corners" (มุมกันกระแทก) นวัตกรรมเหนือชั้นของการปกป้องที่ดีที่สุด โดยจากการวิจัยอย่างจริงจัง รวมถึงการทดสอบการตกของสมาร์ตโฟนหลายร้อยเครื่องของ CASETiFY พบว่า 70% จุดที่เปราะบางที่สุดของโทรศัพท์มือถือคือมุมทั้งสี่ ซึ่งอาจจะทำให้หน้าจอแตกหรือเกิดความเสียหายจากการตกและไม่สามารถซ่อมได้ จึงเป็นที่มาของ “Bounce Corners” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “สะพานแขวน” ซึ่งมีลักษณะเหมือนโครงที่มีช่องอากาศ 3 ช่อง ช่วยให้กันกระแทกและเด้งกลับในกรณีที่ตก ปกป้องอุปกรณ์จากความเสียหายของโครงสร้าง พลาดไม่ได้สำหรับเจ้าของ iPhone 14 รายใหม่! สามารถสั่งซื้อ ‘Bounce Case’ สุดแกร่งให้กับมือถือเครื่องใหม่และอุปกรณ์ตกแต่งต่าง ๆ ได้แล้ววันนี้ บนเว็บไซต์ www.CASETiFY.com ราคาเริ่มต้น 2,599 บาท
● EcoShock™ นวัตกรรมสุดล้ำ กันกระแทกไม่มีแตก
CASETiFY ได้สร้างสรรค์เทคโนโลยีสุดล้ำขึ้นมาด้วยวัสดุใหม่ที่มีกรรมสิทธิ์(อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร) ภายใต้ชื่อ EcoShock™ (อีโค่ช็อก) ที่ทำมาจากพืช ซึ่งในระดับโมเลกุลของวัสดุใหม่นี้ สามารถเปลี่ยนพลังงานจลน์ของแรงกระแทกให้เป็นความร้อนได้ ส่งผลให้เกิดลวดลายบิดเกลียวกระจายไปทั่วพื้นผิวของเคส โดย CASETiFY ได้ใช้ EcoShock™ เสริมความแข็งแกร่งด้านในและด้านหลังของ Bounce Case เพื่อเพิ่มการป้องกันความเสียหายจากการตกหล่นมากขึ้น 20% เมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่านมา ทำให้กล้าพูดได้ว่า “นี่คือเคสมือถือที่ป้องกันได้ดีที่สุดแห่งยุค”
นอกจากเคสรุ่นใหม่ทั้งหมดของ CASETiFY จะใช้ EcoShock™ วัสดุจากพืช 40% แล้ว ยังผลิตขึ้นอย่างยั่งยืนภายใต้โปรแกรม “Re/CASETiFY” การนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วกลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งทำให้ในปีนี้ CASETiFY ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล World Changing Ideas Award โดย FastCompany โดยลูกค้าสามารถเข้าร่วมโปรแกรมนี้ได้ด้วยการส่งเคสที่ไม่ใช้แล้วกลับมายัง CASETiFY เพื่อแลกกับเครดิตซื้อสินค้า จากนั้นเคสเก่าจะถูกนำไปเข้าสู่กระบวนการ แล้วผลิตออกมาเป็นเคสรุ่นใหม่ ซึ่งเคส iPhone 14 ของ CASETiFY ก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นด้วยแนวคิดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก ทั้งนี้ CASETiFY ได้นำเคสเก่าไปผลิตใหม่แล้วกว่า 28,000 กิโลกรัม
● ทนทาน ผ่านการทดสอบมาแล้วนับร้อยครั้ง!
“Bounce Case” ของ CASETiFY ได้ผ่านการทดสอบความแข็งแกร่งมาแล้วอย่างแม่นยำ โดย iPhone 14 Bounce Case (ราคา 2,599 บาท) ได้มีการทดสอบการตกมากถึง 156 ครั้ง ในทุกมุมและทุกรูปแบบของการกระแทกบนพื้นคอนกรีตและเหล็ก ซึ่งผลลัพธ์สามารถบรรลุมาตรฐานผลิตภัณฑ์เกรด MIL-STD (มาตรฐานทหาร) มีความแข็งแกรงถึง 6 เท่า และยังมีระบบป้องกันการตกกระแทกจากที่สูงสุดถึง 6.5 เมตร ด้วยเทคโนโลยี EcoShock™ ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ เช่นด้วยกับเคสรุ่น iPhone 14 Ultra Impact Case (ราคา 2,099 บาท) ผ่านการทดสอบการตกทุกมุมจากความสูง 3.5 เมตร จำนวน 130 ครั้ง ได้มาตรฐาน MIL-STD 5 เท่า และเคสรุ่น iPhone 14 Impact Case (ราคา 1,799 บาท) ผ่านการทดสอบการตกจากความสูง 8.2 ฟุต (2.5 เมตร) ติดต่อกันจากทุกมุม 104 ครั้งของ ได้มาตรฐาน MIL-STD 4 เท่า
● ปกป้องแบบมีสไตล์
Bounce Case ใหม่สำหรับ iPhone 14 จะไม่เพียงแต่เป็นตัวเลือกที่ป้องกันได้ดีที่สุดเท่านั้น แต่ยังมีให้เลือกหลายสไตล์หลายสี ได้แก่ สี Peri Purple (สีม่วง), Kiwi (สีเขียว)และ Bubble Gum (สีชมพู) นอกจากนั้น ยังสามารถเลือกปรับแต่งเคสของตัวเองแบบสั่งทำพิเศษได้บนเว็บไซต์ casetify.com ที่มีแค็ตตาล็อกให้เลือกมากกว่า 300,000 แบบ สามารถใส่ชื่อ ข้อความพิเศษ หรือรูปแบบตัวอักษร และในอนาคตเคส iPhone 14 ของ CASETiFY จะถูกบรรจุอยู่ในคอลเลกชันคอลแลบยอดฮิตอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น One Piece, Sailor Moon หรือ Harry Potter
เวสลีย์ อิ้ง (Wesley Ng) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง CASETiFY กล่าวว่า "CASETiFY ได้ใช้เวลามากกว่า 10 ปีในการค้นคว้าและสร้างสรรค์เคสมือถือและอุปกรณ์เสริมไอทีที่มีคุณภาพสูง รวมถึงการออกแบบที่โดดเด่นโดยศิลปินที่มีสไตล์ ซึ่งทำให้วันนี้สามารถมั่นใจได้ว่า เราคือแบรนด์เคสมือถือและอุปกรณ์เสริมที่ปกป้องได้ดีที่สุดที่เคยมีมา”
Bounce Case พร้อมปกป้อง iPhone 14 แล้วทุกรุ่นวันนี้! ไม่ว่าจะเป็น iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro, iPhone 14 Pro Max ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ CASETiFY.com หรือติดตามข่าวสารได้ทาง Instagram, Facebook, TikTok และ Twitter
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น