26 มีนาคม 2563 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และประธานสภาอุตสาหกรรมแห่ งประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลไทยได้ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุ กเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการบริ หารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (พรก.ฉุกเฉิน) ณ วันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้ อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) นั้น คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) อันประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย จึงได้ร่วมประชุมเพื่อหารือถึ งแนวทางการดำเนินการและข้ อเสนอแนะของภาคเอกชน ที่สนับสนุนมาตรการหยุดยั้ งการแพร่กระจายของ COVID-19 ของภาครัฐ โดยภาคเอกชนขอให้ภาครัฐดู แลโรงงานโรงงานอุตสาหกรรมที่มี ความจำเป็นยิ่งยวด Critical Industry and Supply Chain (CISC) และการขนส่งสินค้า (Logistics) เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าที่ จำเป็นขาดแคลน ดังนี้
1) อุตสาหกรรมอาหาร น้ำตาล น้ำมันปาล์ม เครื่องจักรกลการเกษตร การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ พลาสติก แก้วและกระจก เยื่อกระดาษ อลูมิเนียม
2) อุตสาหกรรมยา สมุนไพร เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ยาง
3) อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งหุ่ม
4) อุตสาหกรรมผู้ผลิตไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ก๊าซ พลังงานหมุนเวียน
5) อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ
ธุรกิจที่มีความจำเป็น (Essential) ต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มี ความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้ นกับภาคเศรษฐกิจอย่างรุ นแรงสามารถดำเนินการได้ อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม, เวชภัณฑ์การแพทย์, เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร , ธนาคาร. ธุรกิจการเกษตร, พลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงอุตสาหกรรมต้นน้ำที่ต้ องป้อนอุตสาหกรรมข้างต้น ช่องทางการจัดจำหน่าย การขนส่งและโลจิสติกส์
ข้อเสนอต่อภาครัฐ
1) ให้ภาครัฐดูแลโรงงานโรงงานอุ ตสาหกรรมที่มีความจำเป็นยิ่งยวด Critical Industry and Supply Chain (CISC) และการขนส่งสินค้า (Logistics) เพื่อป้องกันไม่ให้อุตสาหกรรมดั งกล่าวหยุดชะงัก
2) ขอให้งดการจ่ายประกันสังคมสำหรั บลูกจ้างและนายจ้าง เป็นระยะเวลา 4 เดือน
3) ให้ภาครัฐเพิ่มเงินช่วยเหลือลู กจ้างที่ว่างงานหรือถูกเลิกจ้ างจากเดิมร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 80
4) ขอเลื่อนการจ่ายค่าน้ำและค่ าไฟออกไป 4 เดือน
5) ให้ภาคเอกชนหักค่าใช้จ่ายได้ 3 เท่า กรณีใช้งบประมาณเพื่อป้องกัน COVID-19
6) ให้ระบบสาธารณูปโภคให้บริการได้ อย่างต่อเนื่อง
7) หน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจติดต่ อกับภาคเอกชน สามารถให้บริการทางออนไลน์ได้
8) ให้ผู้ขนส่งสินค้าสามารถส่งสิ นค้าได้ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น